|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สำหรับในประเทศไทยนั้น ธุรกิจ Wealth Management ถือเป็นตลาดที่ทั้งสถาบันการเงินและผู้เล่นประเภทอื่นๆ ให้ความ สนใจมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้โดยทั่วไป Wealth Management คือบริการทางการเงินให้กับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง โดยส่วนใหญ่จะมีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนไม่น้อยกว่า 1,000,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 32 ล้านบาท) โดยมีกระบวนการในการจัดการ ให้เกิดความยั่งยืนของความมั่งคั่งสุทธิ (Net assets or Wealth) ในปี 2552 สินทรัพย์ของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth Individuals: HNWIs) ขยายตัว 18.9% โดยมีมูลค่าประมาณ 39 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับประเทศไทยนั้นมีการประมาณว่าประชากรที่มีความมั่งคั่งสูงมีจำนวนประมาณ 42,000 คน โดยมีทรัพย์สินครอบครองประมาณ 190 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.1 ล้านล้านบาท) ในปี 2551 ซึ่งแม้จะคิดเป็น 2.6% ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (0.58% จากทั่วโลก) แต่ประชากรกลุ่มดังกล่าวมีขนาดของความมั่งคั่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP และมีขนาด 0.97 เท่าของขนาดของตลาดหุ้นไทยจำนวนประชากรที่มีความมั่งคั่งสูงและสินทรัพย์ในครอบครองปี 2552 ตลาด Wealth Management มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผลตอบแทนจากการทำธุรกิจ Wealth Management ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีการทำการศึกษา 2 ซึ่งพบว่ากลุ่มลูกค้า HNWIs สามารถสร้างรายได้สุทธิต่อลูกค้าโดยเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 1 ของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ ซึ่งทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ขนาด/ทิศทางผลตอบแทนของธุรกิจ Wealth Management ในไทยน่าจะอยู่ในลักษณะใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า HNWIs ในภูมิภาคเอเชียรวมถึงในประเทศไทยยังคงเน้นลงทุนในลักษณะระมัดระวัง (Conservative) โดยนิยมถือครองผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินสด เงินฝาก และตราสารหนี้เป็นหลักรายได้ และรายได้ต่อทรัพย์สินภายใต้การบริหารของธุรกิจ Wealth Management สำหรับธุรกิจ Wealth Management ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 นั้น ความมั่งคั่ง (Wealth) ของลูกค้า HNWIs น่าจะเติบโตในอัตราที่เร่งขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นชัดเจนขึ้นจากปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อกระแสรายรับเชิงธุรกิจ (Revenue) ของลูกค้ากลุ่มนี้ หลังจากที่ภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า มีผลกดดันความมั่นคั่งของลูกค้าดังกล่าวให้ลดลง
ทั้งนี้ ความมั่งคั่งที่เติบโตเร่งขึ้นดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลดีกับขนาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (Asset Under Management: AUM) ของธุรกิจ Wealth Management ให้เร่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
กระนั้นก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Wealth Management นั้นแม้จะได้รับผลดีจาก AUM ที่เติบโตขึ้น แต่ก็น่าจะเผชิญแรงกดดันจาก 3 ปัจจัยหลัก อันได้แก่ ประการแรก อำนาจการต่อรองของลูกค้ากลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับสูง ประการที่สอง ผลิตภัณฑ์ที่เสนอแก่ลูกค้ายังคงค่อนข้างจำกัด โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในปัจจุบันยังเป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานและไม่ซับซ้อน (Plain Vanilla Products) และประการสุดท้าย พฤติกรรมของลูกค้าที่มักเน้นการลงทุนแบบระมัดระวัง (Conservative) ซึ่งทำให้การสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมทำได้ยาก
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ยังมีส่วนสำคัญอย่างมากในการดึงลูกค้า โดยอาศัยความสัมพันธ์และความ เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาในการบริหารสินทรัพย์ อันมีอิทธิพลต่อความไว้วางใจของลูกค้าให้ดูแลจัดการความมั่งคั่ง
นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญ (ส่วนตัว) ให้คำแนะนำปรึกษากับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี (Relationships) กับลูกค้า อันจะนำไปสู่การได้รับความไว้วางใจให้ดูแลธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น สินเชื่อ และบริการทางการเงินสำหรับบริษัทที่ลูกค้าเป็นเจ้าของกิจการ ในปัจจุบันสภาวะการแข่งขันธุรกิจในไทยจะมาจากผู้เล่นหลักในธุรกิจนี้ประมาณ 3-4 กลุ่ม
โดยมีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยที่เน้นการบริการทางการเงินอย่างครบวงจร (Universal Banking) ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3-4 แห่ง เป็นผู้เล่นหลัก ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายจะเป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารเอง หรือเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทลูกในเครือรวมถึงพันธมิตร ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์เงินฝาก กองทุนต่างๆ หุ้น และประกันชีวิต
ขณะเดียวกันยังมีสาขาธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ 2-3 แห่ง ซึ่งจะเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามความเชี่ยวชาญ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) ที่เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับตลาดทุนและบริษัท ประกันชีวิตที่มุ่งเน้นไปในผลิตภัณฑ์ประกันเป็นหลักด้วย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แนวโน้มของธุรกิจ Wealth Management ในช่วงที่เหลือของปี 2553 ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปีข้างหน้า ยังมีอนาคตที่ค่อนข้างสดใสเนื่องจากเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ประชากรในภูมิภาคดังกล่าวน่าจะมีความมั่งคั่งมากขึ้น พิจารณาได้จากจีดีพีของประเทศในภูมิเอเชียและประเทศไทยที่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนความมั่งคั่งของลูกค้า HNWIs ในภาพรวม
ประกอบกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่น่าจะลดระดับลงใน อีก 1-2 ปีข้างหน้า จะเป็นตัวส่งเสริมให้ตลาดทุนกลับมาคึกคักขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ปัญหาหนี้ของยุโรป และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ อุตสาหกรรม Wealth Management เนื่องจากนักลงทุนมีทางเลือกในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความคาดหวังในผลตอบแทนที่มากขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายการขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศของ ก.ล.ต. ธปท. รวมถึงแผนพัฒนาตลาดทุนไทยจะมี ส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นควบคู่กับการขยายช่องทางการลงทุนในต่างประเทศให้กว้างขึ้นด้วย อันจะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Wealth Management ตามไปด้วย
การทยอยลดความคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวนของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) โดยการคุ้มครองแบบเต็มจำนวนดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 โดยในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 DPA จะลดการคุ้มครองแบบเต็มจำนวน ลงเหลือ เพียง 50 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน
และในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 DPA จะลดการคุ้มครองลงเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน ซึ่งการลดเพดานการประกันเงินฝากอาจกระตุ้นให้ลูกค้า HNWIs มีแนวโน้มที่จะกระจายความมั่งคั่งออกจากเงินฝากมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวก ต่อการเติบโตของสินทรัพย์และรายได้ค่าธรรมเนียมของอุตสาหกรรม Wealth Management
พฤติกรรมของลูกค้าที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไป ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้า HNWIs ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยกลางคน แต่ในอนาคตข้างหน้า ลูกค้า HNWIs ในรุ่นต่อไปจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งลูกค้ากลุ่มดังกล่าวน่าจะมีความคุ้นเคยและตอบสนองในเชิงบวกต่อผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ Wealth Management
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือ จำนวนผู้เล่นในอุตสาหกรรม Wealth Management ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันธุรกิจ Wealth Management ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีธนาคารพาณิชย์เป็นผู้เล่นหลักในตลาด
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีสาขาในเมืองไทย บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัย กำลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนจากลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ในระดับสูง จากขนาดของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างใหญ่และมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาที่น่าจะรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงน่าจะกระตุ้นให้มีผู้เล่นในปัจจุบันรุกตลาดนี้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางการก็อาจจะเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย โดยภายใต้แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 ธปท.อาจออกใบอนุญาตในธุรกิจ Trust Bank และ Investment Bank ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งผู้เล่นใหม่เหล่านี้ ก็คงให้ความสนใจในธุรกิจ Wealth Management เช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจมีได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการเงินที่อาจหลีกเลี่ยงได้ยากในอนาคต กระนั้นก็ดี ผู้เล่นเดิมในตลาดก็อาจมีการปรับกลยุทธ์เช่นกัน โดยอาจมีการหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Partners) ที่มีความเชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นซึ่งน่าจะช่วยให้สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้
นอกจากนี้ ปัญหาบุคลากร (Financial Advisor: FA) ยังเป็นความท้าทายของธุรกิจ Wealth Management โดยเฉพาะเมื่อภาวะการแข่งขันในธุรกิจนี้รุนแรงขึ้นในอนาคต เนื่องจากหนึ่งในกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ (Key Success Factor) ที่สำคัญของธุรกิจนี้อยู่ที่ FA ซึ่งแม้ว่าผู้ให้บริการทางการเงิน มีแนวทางที่จะเพิ่มจำนวน FA ในอนาคต แต่ FA ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (โดยส่วนมากลูกค้า HNWIs มักใช้บริการกับสถาบันทางการเงินหลายแห่ง) ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำในผลิตภัณฑ์ที่อาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้น ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาด
ธุรกิจ Wealth Management ในประเทศไทย นอกจากจะต้องพึ่งพิงบุคลากรเพื่อทำหน้าที่เป็น FA แล้ว ยังต้องเผชิญความท้าทายจากแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 และการเปิดเสรีทางการเงินที่อาจส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้นอีกด้วย
นี่เป็นโจทย์สำคัญที่ผู้เล่นปัจจุบันอาจต้องขบคิดเพื่อหาแนวทางรับมือ และเสริมศักยภาพในการแข่งขันในอนาคต
|
|
|
|
|