Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์30 สิงหาคม 2553
บี-ควิกเติมงบ AD ขยายฐานลูกค้าถ่ายน้ำมันเครื่อง             
 


   
search resources

Automotive
บี-ควิก, บจก.




บี-ควิก อัดงบโฆษณาเพิ่ม สร้างเมสเซจผ่านหนังโฆษณาชุดน้ำมันเครื่อง หวังชิงลูกค้าจากศูนย์บริการรถยนต์ ขณะที่ยอดใช้บริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและดูแลเครื่องยนต์มีปริมาณ 40% จากฐานลูกค้าทั้งหมดกว่า 500,000 ราย พร้อมเตรียมงบอีกส่วนขยายสาขาอีก 7 แห่งช่วงครึ่งปีหลัง มั่นใจสิ้นปียอดขายทะลุ 2,500 ล้านบาท

ในสภาวะการตลาดศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่การที่ตลาดรถยนต์รวมมีการเติบโตสูงขึ้น ย่อมส่งผลต่อตลาดศูนย์บริการเหล่านี้ไม่มากก็น้อย บี-ควิก ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรรายใหญ่ จึงทุ่มงบประมาณหลักร้อยล้านบาทเพื่อขยายทั้งสาขาการให้บริการ และสร้างรายได้เพิ่ม

ส่วนแรกคือการขยายสาขาเพิ่ม โดยช่วงครึ่งปีแรกมีการเพิ่มสาขาไปแล้ว 2 สาขา และในครึ่งปีหลังเตรียมเพิ่มสาขา บี-ควิก อีก 7 สาขา ด้วยงบประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งสาขาใหม่ดังกล่าวประกอบด้วย โลตัส กระบี่, โลตัส กัลปพฤกษ์, โลตัส สุขาภิบาล 3, บิ๊กซี ฉะเชิงเทรา, โรบินสัน ตรัง, ถนนกิ่งแก้ว และนครราชสีมา ซึ่งจะทำให้บี-ควิกมีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 70 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่เป้าใหญ่ในเรื่องการขยายสาขานั้นอยู่ที่ 100 แห่ง แต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี

นอกจากการเพิ่มสาขาแล้ว ยังมีงบอีกราว 50 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ เฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-ควิก จำกัด กล่าวว่า การปรับปรุงสาขาก็เพื่อพัฒนาภาพลักษณ์ของศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก ในปัจจุบัน ตลอดจนลงทุนกับเครื่องจักรใหม่ๆ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ที่น่าสนใจคือ บี-ควิก เตรียมงบประมาณอีกราวๆ 45 ล้านบาทสำหรับการทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสื่อสารข้อความการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดย 1 เรื่องเป็นภาพยนตร์โฆษณาชุดที่เรียกว่า น้ำมันเครื่องใช้งบประมาณราว 20 ล้านบาท ส่วนอีก 1 เรื่องนั้น บี-ควิกยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท บุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บอกว่า ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่จะเริ่มออนแอร์ในเดือนสิงหาคมไปจนถึงกันยายนนี้ โดยโฆษณาชุด 'น้ำมันเครื่อง' จะเน้นให้เห็นถึงสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่ประหยัดคุ้มค่า ส่วนภาพยนตร์โฆษณาอีกชุดนั้นจะออกอากาศในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งคาดว่าเมื่อรวมกับงบการตลาดในสื่ออื่นๆ บี-ควิกจะใช้งบการตลาดในปีนี้รวมทั้งสิ้น 180 ล้านบาท เพื่อให้ บี-ควิก เข้าถึงลูกค้าในทุกสื่อ และในทุกจังหวัดที่สาขาของ บี-ควิก เปิดให้บริการ

งบการตลาดทั้งสองส่วนนั้น เพื่อเป้าหมายหลักคือการสร้างรายได้ให้เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 30% ด้วยตัวเลขยอดขายถึง 2,5000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายช่วง 6 เดือนแรกของปีนั้นอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท

บี-คลิก บอกว่า ปัจจุบันมีตัวเลขฐานลูกค้าทั้งสิ้นราว 500,000 รายต่อปี ลูกค้าเฉลี่ยใช้บริการต่อเดือนอยู่ที่ 40,000 ราย กว่า 60% เป็นลูกค้าที่ใช้บริการเปลี่ยนยาง ที่เหลือราว 40% จะใช้บริการประเภทเปลี่ยนแบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ระบบเบรก ระบบช่วงล่าง และระบบแอร์ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าบางกลุ่มเข้ามาใช้บริการหลายๆ ส่วนพร้อมกัน

เฮงก์ เจ คิกส์ บอกว่า หากพิจารณายอดจำหน่ายยางรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่าในปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ที่ 20% โดยมีอัตราการเติบโตถึง 15% ในครึ่งปีแรก ขณะที่ภาพรวมตลาดที่เติบโตราว 5-6% ซึ่งนับเป็นการเติบโตของตลาดยางรถยนต์ครั้งแรก หลังยอดจำหน่ายไม่มีอัตราการเติบโตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

นั่นหมายถึงตลาดใหญ่ และสร้างรายได้มากที่สุดของบี-ควิก คือ บริการเปลี่ยนยาง ส่วนการบำรุงรักษาเครื่องยนต์นั้น ลูกค้าที่เข้ามาใช้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรถยนต์ที่เริ่มหมดระยะเวลารับประกันกับบริษัทผู้ผลิต และศูนย์บริการ ดังนั้น การทุ่มงบประมาณในครั้งนี้ส่วนหนึ่งต้องการสื่อสารกับกลุ่มผู้ใช้รถที่เริ่มเข้าสู่ระยะหมดการการันตีเหล่านี้ ซึ่งศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร มีความได้เปรียบในเรื่องราคาของอะไหล่ต่างๆ รวมถึงค่าแรง และค่าบริการรวมที่ต่ำกว่าศูนย์บริการ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us