บอสบิ๊กซีฝ่ายไทย บอกปัดไม่รู้เรื่องซื้อคาร์ฟูร์ โยนเป็นเรื่องของบริษัทแม่กาสิโนเท่านั้น เมืองไทยไม่เกี่ยว เผยส่งแผนบริษัทแม่ปรับพื้นที่สโตร์เป็นพลาซ่า หวังหารายได้เข้ากระเป๋า ลดสัดส่วนพื้นที่ขายสินค้าลง
นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน และ นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผยถึงกรณีข่าวการซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ ซึ่งบิ๊กซีเป็นหนึ่งในหลายกลุ่มทุนที่มีข่าวว่าจะเข้าซื้อกิจการนั้น ผู้บริหารทั้งสองกล่าวปฎิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องในรายละเอียด เพราะถ้าหากมีการซื้อกันจริงก็เป็นเรื่องของบริษัทแม่กาสิโนที่ฝรั่งเศสที่จะเป็นผู้เจรจาดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการรอบริษัทแม่กาสิโนที่ฝรั่งเศส อนุมัติในเรื่องที่บริษัทฯ เสนอการปรับพื้นที่สโตร์เดิมที่มีพื้นที่มากกว่า 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป เพื่อปรับพื้นที่สโตร์ให้เล็กลงและเพิ่มพื้นที่รวมทั้งการขยายพื้นที่พลาซ่าให้เช่ามากขึ้นด้วย ทั้งนี้บริษัทฯประเมินว่าพื้นที่สโตร์ขนาด 7,000 ตารางเมตรนั้นเหมาะสมที่สุด รวมทั้งที่ผ่านมาบริษัทฯปรับเรื่องการจัดเก็บสต็อกสินค้าและการส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่ต้องเตรียมถึง 30% เหลือเพียง 10% เท่านั้น
ปัจจุบันสาขาใหม่ๆที่สร้างขึ้นมา บริษัทฯจะมีสัดส่วนพื้นที่และการสร้างรายได้และกำไรจากพื้นที่เช่ามากขึ้นกว่าเดิม โดยครึ่งปีแรกปี 2552 นี้มีรายได้จากร้านค้าเช่า 43% รายได้จากการขายสินค้า 57% ส่วนครึ่งปีแรก 2553 รายได้จากร้านค้าเช่า 42% ส่วนรายได้จากการขายสินค้า 58% โดยมีรายได้จากร้านค้าเช่าไตรมาสแรกปี 2552 เท่ากับ 986 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 1,039ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 2553 เพิ่มขึ้น 5.4% ขณะที่ครึ่งปีแรก 2553 มูลค่า 2,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว บริษัทฯจะพยายามรักษาสัดส่วนสูงสุดที่ 50-50%
สำหรับรายได้ไตรมาสสองปี 2552 ทำได้ 18,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 428 ล้านบาทหรือ 2.4% มีกำไรสุทธิ 686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94 ล้านบาทหรือ 15.8% ขณะที่รายได้จากค่าเช่าและการบริการไตรมาสสองปีนี้อยู่ที่ 1,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท หรือ 2.8% รวมครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 35,000 ล้านบาท เติบโต 2.4% กำไรขั้นต้น 6,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8%
ส่วนสาขาราชดำริที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้นั้น รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 413 ล้านบาท โดยบริษัทแม่คือกลุ่มกาสิโนทำประกันภัยไว้กับแอ๊กซ่า ที่ฝรั่งเศส และมีตัวแทนอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งจะครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด อยู่ระหว่างการอเงินเคลมประกัน
สำหรับแผนการขยายสาขา ยังคงเปิดเฉลี่ย 3-4 สาขาต่อปี สำหรับไซส์ใหญ่ ปัจจุบันมี 69 สาขา ร้านเพียวเปิดอีก 4 สาขา จากขณะนี้มี 25 สาขา ร้านบิ๊กซีจูเนียร์เปิดอีก 1 สาขาจากเวลานี้มี 1 สาขา และมินิบิ๊กซีเปิดอีก 4 สาขาจากเวลานี้มี 11 สาขา โดยใช้งบลงทุน 2,300 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปีนี้เปิดสาขาที่มหาชัยแล้ว
ทั้งนี้แผนตลาดจะเน้นกลยุทธ์หลัก 4 ประการ คือ แคมเปญ 1.เช็คไพร้ซ์ถูกชัวร์ 2.ถูกสุดสุด 3.บิ๊กซีแบรนด์ และ 4. บัตรบิ๊กการ์ด โดยปัจจุบันสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ดมีประมาณ 4.73 ล้านราย ตั้งเป้าหมายถึงสิ้นปีจะมี 5 ล้านราย ซึ่งมียอดใช้จ่ายสมาชิกผ่านบัตรอยู่ที่ 850 บาทต่อบิล เพิ่มขึ้น 2% มีความถี่ในการมาบิ๊กซี 2 ครั้งต่อเดือน เพิ่มขึ้น 4% และตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้มาจากการขายผ่านบัตรบิ๊กการ์ด 60% และอีก 3 ปีเพิ่มเป็น 70% ส่วนสินค้าไพรเวทเลเบลนั้น มีตราแฮปปี้บาท และ บิ๊กซี ตั้งเป้ามีสัดส่วนทางด้านรายได้ 4.5% จากยอดขายรวม และประมาณ 8-10% จากยอดปริมาณสินค้า ภายในปี 2554 จากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขาย 3% จากรายได้รวม
|