|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายโจ ซัง จิน รองประธานบริหารอาวุโส ผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า ส่งผลให้ทางแอลจีมองเห็นโอกาสในการทำตลาดเครื่องซักผ้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการส่งออกไปยังประเทศในแถบอาเซียน ตะวันออกกลาง และเซาท์อาฟริกา หรือแม้แต่เรื่องของภาษีนำเข้าที่เป็นศูนย์
ส่งผลให้ล่าสุดในปีนี้ แอลจีได้มีการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ในการขยายไลน์การผลิตเครื่องซักผ้าฝาหน้าเพิ่มขึ้นอีก 600,000 ยูนิต ที่โรงงานในจังหวัดระยอง โดยได้เริ่มผลิตแล้วเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั้งปีนี้ทางโรงงานจะมีกำลังการผลิตเครื่องซักผ้าทั้งหมดรวมกว่า 3 ล้านยูนิต โดยกว่า 80% เป็นการส่งออก และอีก 20% เป็นการจำหน่ายในประเทศส่วนไลน์เครื่องซักผ้าฝาหน้าที่เพิ่มขึ้นนั้น กว่า 90% เป็นการส่งออก และอีก 10% เป็นการจำหน่ายในประเทศ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันแอลจีมีฐานการผลิตเครื่องซักผ้าทั้งสิ้น 7 แห่งทั่วโลก คือ เกาหลี จีน รัสเซีย เวียดนาม บราซิล อาร์เจนติน่า และประเทศไทย ซึ่งหลังจากมีการลงทุนด้านการผลิตเครื่องซักผ้าในประเทศไทยแล้ว ต่อจากนี้จะมีการลงทุนต่อในฝั่งยุโรปที่ประเทศโปแลนด์เป็นอันดับต่อไป
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันอัตราการครอบครองเครื่องซักผ้าในประเทศ คิดเป็น 30% ของจำนวนครัวเรือนประชากรทั้งหมด แบ่งออกเป็น ฝาบน 50%, 2ถัง 40% และ 1ถัง มี 10% โดยในปีนี้ตลาดรวมเครื่องซักผ้ามีความต้องการอยู่ที่ 1.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาพบว่า แอลจียังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรวมเครื่องซักผ้าไว้ได้ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 30% และเมื่อแยกออกเป็นแต่ละประเภทแล้ว ยังพบด้วยว่า ในกลุ่มฝาบน มีส่วนแบ่ง 32% มีอัตราการเติบโตขึ้น 15%, แบบ 2 ถัง มีส่วนแบ่ง 31% เติบโตขึ้น 10% และในแบบ 1ถัง มีส่วนแบ่ง 21%
|
|
|
|
|