กุ๊ก เท 1,000 ล้านบาท ผุดโรงงานใหม่ขยายกำลังผลิต 2,500 ตันต่อวัน เร่งลุยส่งออกรับเปิดเสรีการค้าเอฟทีเอ และตลาดน้ำมันถั่วเหลืองในประเทศโตพรวด หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้น กำลังซื้อคึกคัก อานิสงส์เทรนด์สุขภาพบูมคนแห่ใช้ ลั่นบริหารต้นทุนผลิต หวั่นสินค้าต่างประเทศลุยตลาด เท 40 ล้านบาท รีเฟรชแบรนด์ใหม่”ชูโอเมก้า -ไขมันทรานส์0 กรัม” เจาะคนรุ่นใหม่ สิ้นปีแชร์พุ่ง 23% รั้งเบอร์สอง
นายอดุลย์ เปรมประเสริฐ กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองยี่ห้อกุ๊ก เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุน 1,000ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ขึ้น ที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่ม 1,650ตันต่อวัน เพิ่มเป็น 2,500ตันต่อวัน ซึ่งคาดว่าโรงงานแล้วเสร็จปลายปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น จากการเปิดการค้าเสรีระหว่างประเทศ (FTA) จากปัจจุบันบริษัทส่งออกไปในตลาดอาเซียนเป็นหลัก เนื่องจากการส่งออกน้ำมันพืชในอุตสาหกรรมอาหารมีข้อดี คือ สินค้าที่ไม่ถูกควบคุมราคา เมื่อเทียบกับการทำตลาดภายในประเทศ น้ำมันพืชจะเป็นสินค้าควบคุม
นอกจากนี้การขยายกำลัง ยังรองรับการผลิตกลุ่มธุรกิจนอนฟู้ดส์ และกลุ่มกากถั่วเหลือง และการเติบโตภายในประเทศของตลาดน้ำมันถั่วเหลือง เนื่องจากกระแสสุขภาพที่มาแรง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น และยิ่งภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังการซื้อ ก็จะเป็นส่วนผลักดันให้ตลาดน้ำมันถั่วเหลืองเติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดมีมูลค่า 3,800ล้านบาท หรือในเชิงปริมาณ 8หมื่นตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วน23- 25% เท่านั้น เมื่อเทียบกับน้ำมันปาล์มมีสัดส่วน 70-73% จากตลาดรวม 3.4แสนตันต่อปี
“ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคไทยใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันถั่วเหลือง 20% โดยน้ำปาล์ม ขนาด 1 ลิตร ราคา 36 -38บาทต่อขวด ขณะที่ถั่วเหลือง 43 บาทต่อขวด”
ด้านการผลิตบริษัทได้บริหารต้นทุนการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับกับการเปิดการค้าเสรี ส่งผลให้มีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด อีกทั้งถั่วเหลืองเป็นพืชที่สามารถนำไปใช้ทำพลังงาน จึงมีแนวโน้มว่าราคาปรับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาน้ำมันพืชจะปรับขึ้น-ลงผกผันตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งการแข่งขันราคาในช่องทางโมเดิร์นเทรดที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
แผนการตลาดในประเทศปีนี้บริษัททุ่มงบการตลาด 40ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการทำตลาดรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรง โดยชูจุดเด่นของสินค้ามีโอเมก้า 3 และสามาผลิตจนได้ไขมันทรานส์ 0กรัม เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ พร้อมกับนำ “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์กลุ่มเป้าหมายน้ำมันพืชกุ๊ก คือ รักลูกและครอบครัวเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เลือกกุ๊กเท่านั้น และได้ปรับเปลี่ยนฉลากสินค้าใหม่ ให้ดูทันสมัย ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “กุ๊ก คู่บุญ” ลุ้นทองคำ และไปทำบุญร่วมกับเคนธีรเดช พร้อมรับทองคำ 20รางวัล เริ่มตั้งแต้วันนี้- 15ธันวาคม นี้
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้แตกไลน์ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำมันถั่วเหลือง อาทิ การผลิตเลซิตินป้อนในอุตสาหกรรมอาหารและนอนฟู้ดส์ สำหรับสิ้นปีนี้น้ำมันถั่วเหลืองกุ๊ก ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 19% เป็น 23% หรือมียอดขายเติบโต 20% โดยยังรั้งอันดับ 2 ของตลาดน้ำมันถั่วเหลือง ส่วนอันดับ 1 องุ่น ครองส่วนแบ่ง 60%
สภาพตลาดน้ำมันถั่วเหลืองในช่วงครึ่งปีแรกทรงตัว จากผลกระทบเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ประกอบกับส่วนต่างราคาขายปลีกของน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม 6-8 บาทต่อขวด มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังนี้ ตลาดน้ำมันถั่วเหลือง คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลก จากความกังวลผลผลิตปาล์มมาเลเซียที่อาจจะปรับลดลง ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ตลาดน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด 3,800 ล้านบาท โต 6% และตลาดรวมน้ำมันพืช 3.4 แสนตันต่อปี โต 6-7%
|