“เฮลิลักค์” สบช่องว่าง เปิดม่านลุยธุรกิจให้บริการเฮลิคอปเตอร์เพื่อการท่องเที่ยว ควักกระเป๋า 40 ล้านบาท ซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้บริการใน 3 ปี มีแน่ 5 ลำ ลงทุนอีกร่วม 200 ล้านบาท

นายพัฒน์พงษ์ จรัสตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮลิลักค์ เอวิชั่น จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทโรบินสันเฮลิคอปเตอร์ และผู้ให้บริการเฮลิคอปเตอร์เพื่อการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ตลาดการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังไม่มีรายใดเข้ามารุกธุรกิจทางด้านการให้บริการเฮลิคอปเตอร์เพื่อการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ส่วนสำคัญมาจาก ค่าใช้จ่ายการใช้บริการที่ค่อนข้างสูง และเป็นการลงทุนที่สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้ามีให้บริการก็จะมีราคาสูงมาก ในลักษณะการเช่าเหมาลำ เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ที่นำมาให้บริการจะมีที่นั่ง 6-8 ที่นั่ง ค่าใช้จ่ายต่อครั้งร่วมแสนบาท

บริษัททุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท ซื้อเฮลิคอปเตอร์ ขนาด 4 ที่นั่งในรุ่น Robinson R44 Raven22 มาให้บริการด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ โดยได้ดำเนินการขอใบอนุญาตและทำเรื่องประกันภัยไว้อย่างถูกต้องตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ ได้ร่วมกับทางซีนเนอรี่ รีสอร์ท และบ้านอ้อมกอดขุนเขา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมทิวทัศน์บนท้องฟ้า พบว่านักท่องเที่ยวให้การตอบรับเป็นอย่างดี

เนื่องจากในช่วงแรกบริษัทใช้กลยุทธ์ด้านราคา โดยคิดค่าบริการ 1,500 บาทต่อคนต่อเที่ยว ซึ่งใช้เวลา 10 นาที เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงตุลาคม 2553 นี้ ซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยสามารถให้บริการได้วันละ 15 เที่ยวบิน หลังจากนี้จะขยับราคาขึ้นไปที่คนละ 1,800-2,000 บาท หากเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

บริษัทยังพร้อมเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 3 ปีนี้ จะต้องมีเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าต่อเดือนจะมีรายได้เข้ามา 4-5 ล้านบาท หรือสิ้นปี 54 คาดว่า การบริการต่อลำจะสร้างรายได้ปีละ 12 ล้านบาท โดยเฮลิคอปเตอร์ที่เหลืออีก 3 ลำนั้น จะเปิดให้บริการในจังหวัดท่องเที่ยว อย่าง ภูเก็ต และสมุย เป็นต้น ซึ่งอัตราค่าบริการจะสูงกว่าที่ราชบุรีเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามบริษัทยังเตรียมงบอีกกว่า 50-60 ล้านบาท เพื่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ขนาด 5-7 ที่นั่ง เพื่อให้บริการแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนย้ายผู้ป่วย หรือเช่าเหมาลำ อีกส่วนหนึ่งด้วย รวมแล้วตามแผนการดำเนินงานจะมีเฮลิคอปเตอร์ให้บริการทั้งสิ้น 5 ลำ เป็นการลงทุนรวมกว่า 200-220 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าการลงทุนดังกล่าวถึงแม้ในระยะแรกยังไม่สามารถประเมินรายได้กลับมาได้มากนักก็ตาม แต่มั่นใจว่าภายในระยะ 4 ปีหลังจากที่ลงทุน จะถึงจุดคุ้มทุนแน่นอน