พร้อมกับกระแสเฟื้องฟูของกองทุน VENTURE CAPITAL FUNDS และตลบาดหุ้นนอกระบบแบบ
OVER - THE- COUNTER นักประกอบการรุ่นใหม่ของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกเริ่มแสดงตัวขึ้นมาเสมือนดอกเห็ดฤดูฝน
พวกเขาร่ำรวยกันอย่างน่าอิจฉา นอกเหนือจากคุณค่าที่จะเป็นความหวังให้ยุโรป
เรื่องขึ้นปรกติของนิตยสาร "ฟอร์จูน" ฉบับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ขึ้นต้นเรื่อง
ไว้อย่างวิริศมาหราว่า คลื่นแห่งกิจกรรมผู้ประกอบการที่ ไม่เคยปรากฏมาก่อนหลังสงครามครั้งที่
2 กำลังพาดผ่านยุโรปตะวันออก ด้วยความเฟื้องฟู่ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในรอบ 7
ปี ของกองทุน VENTURE CAPITAL FUNDS และอีกอย่างหนึ่งที่ฟูเฟื่องด้วยคือ
ตลาดหุ้นแบบ OVER THE - COUNTER ซึ่งผู้รู้บางท่านบอกว่าเป็นซื้อขายหุ้นนอกตลาด
หุ้นแบบนี้ซื้อขายกันในกลุ่มบริษัทใหม่ ๆ ของยุโรป
ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจใหม่ในยุโรปบรรดาใจให้ชาวยุโรปจำนวนมากขึ้นทุกทีมองเห็นว่า
ผลตอบแทนจากการตั้งบริษัทใหม่จะมีค่าสูงเกินความเสี่ยง และถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไปซึ่งท่าทีจะเป็นเช่นนั้นมาก
ก็อาจนำไปสู่การเยียวยาอาการป่วยไขทางเศรษฐกิจที่หนักที่สุดของยุโรป อันได้แก่ปาญหาการว่างงานที่เพิ่มเป็นสองเท่าและความไม่สามารถเพิ่มปริมาณหุ้นในขนาดที่เหมาะของตลาดหลักทรัพย์ที่กำลังเติมโตได้
อังกฤษถือธงนำลิ่ว
สาเหตุที่อังกฤษไปเร็วกว่าเพื่อนพ้องในทวีปเดียวกัน เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีหญิง
มาร์การ์เรต แธตเชอร์ แห่งพรรคอนุรักษ์นิยม ได้พยายามสร้างสิ่งที่เธอเรียกว่า
"วัฒนธรรมวิสาหกิจ" โดยผ่อนคลายข้อจำกัดนานาประการให้แก่ธุรกิจเกินใหม่ตั้งแต่การตัดทอนอัตราสูงสนุดของภาษีรายได้จาก
98% เหลือเพียง 60 % การผ่อนคลาดข้อปฏิบัติในเรื่องหลักทรัพย์ ไปจนถึงในการให้สินเชื่อภาษีแก่เอกชนที่ลงทุนในบริษัทตั้งใหม่
เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แปลเปลี่ยนภาคธุรกิจขนาดย่อมที่ครั้งหนึ่งเคยตกต่ำมาแล้วของประเทศ
ให้กลายเป็นตัวสร้างงานอย่างขนาดใหญ่
ในอิตาลีนั้น มีบริษัทเกินใหม่เพิ่มขึ้น 3 เท่า ตั้งแต่ปี 1982 และเมื่อเร็ว
ๆ นี้ก็ได้มีการออกกฎหมายฉบับหนึ่งอนุญาตให้ธนาคารต่าง ๆ จัดตั้งฝ่ายปฎิบัติการเงิน
VENTURE CAPITAL เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่มาความคิดริเริ่มได้เติมโตเร็วขึ้น
ส่วนที่เนเธอร์แลนด์นั้นก็คุยโวว่า ตลาดหุ้น OVER - THE - COUNTER ของ ตนสมบูรณ์มาก
และกองทุน VENTURE CAPITAL ก็มีจำนวนถึง 650 ล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งใหญ่เยอรมันตะวันตกเสียอีก
"ทุกวันนี้คุณบอกให้ใครใครอย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า ท้องฟ้านั้นมีขีดจำกัดเสียแล้ว
" บาส อัลเบิร์ทส ชาวดัทช์วัย 34 อดีตนักธุรกิจคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันเขาเป็นเศรษฐีคนใหม่คนหนึ่ง
ในฐานะเจ้าของหุ้นส่วนคนหนึ่งใน PIE MEDICAL ซึ่งดำเนินการมาได้ 6 ปี โดยมีมูลค่าหุ้นประมาณ
3.5 ล้านเหรียญ บริษัทนี้เป็นผู้ผลิตเครื่องสแกนเนอร์ ที่ใช้คลื่นเสียงตรวจสอบอวัยวะต่าง
ๆ ของรางกายที่เอกซเรย์เข้าไปไม่ถึง
ในเยอรมันตะวันตกเองซึ่งนายแบงก์คงจังเหงื่อตกกับการสนับสนุนบริษัทที่มีประวัติน้อยกว่า
15 ปี แต่ก็ปรากฏว่ามีบริษัทที่ปรึกษาใหม่ราว 300 แห่งกระโดดขึ้นมาเสนอข้อแนะนำว่าด้วยการเริ่มต้นธุรกิจผู้ประกอบการของสวีเดนก็เช่นกัน
ได้รับความเชื่อถือเพิ่มขึ้น"รัฐบาลได้พบแล้วว่าเขาต้องการพวกเรา"
เบอร์เย แรมสโบร วัย 49 เจ้าของกิจการ SYS TEM 3R อันเป็นบริษัทผลิตเครื่องจักรกลที่รุ่งเรืองมากแห่งหนึ่ง
โดยมียอดขายในปี 1986 ถึง 31 ล้านเหรียญฯ แรทสโบร นั้นต่างกับแรมโบ้ตรงที่ไม่ห่าม
แถมชอบขี่ารถโรสรอยซ์แบบเซคัลแฮนด์อย่างภาคภูมิซึ่งถือว่าหรูมากแล้วในสวีเดน
คนยุโรปก้าวเข้าออกมาประกอบธุรกิจของตัวเองนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษามาไม่นานจากมหาวิทยาลัย
หรือวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำของยุโรป โดยเริ่มจากคนกลุ่มเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยายเพิ่มขึ้นด้วยจำนวนผู้จัดการ
ระดับสูงที่มาจากบริษัทใหญ่ ๆ รวมทั้งสมชิกของกลุ่มคนที่สามารถจำนวนมหาศาลที่ยุโรปมองข้ามเสมอมานั้นก็คือ
ผู้หญิง สิ่งที่น่าสประทับใจเกี่ยวกับพวกเขาเห็นจะเป็นคุณภาพที่มาอยู่ในตัวของพวกเขานั้นเอง
ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของ "โลกใบเก่า " หรือยุโรปนี้ ให้ความสำคัญด้านการตลาดมากกว่าคนรุ่นก่อนพวกเขา
ดังที่ อลัน ชูการ์ วัย 40 ปี แห่งอังกฤษกล่าวว่า "เราผลิตสินค้าที่ประชาชนต้องการ
ไม่ได้ สนองอีโก้ของนักวิทยาศาสตร์บางคน" ซูการ์นั้นเป็นผู้ที่ก่อตั้งบริษัท
AMSTRAD ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำยอดขายเมื่อปีกลายได้ถึง 450
ล้านเหรียญ ฯ เพิ่มขึ้นจากปี 1980 ประมาณ 18 ล้านเหรียญ ฯ ด้วยมูลค่าเครื่องเล่นเทป
วิดีโอ และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ราคาถูกที่ทำจากเอเชีย
ซูการ์เดิมโตขึ้นมาจากสังคมคนงาน ณ ขอบฟ้าตะวันออกของกรุงลอนดอน และเริ่มอาชีพของตน
ด้วยการขายเสาอากาศวิทยุติดรถยนต์จากด้านหลังของรถตู้ที่เช่าเขามาแต่ขณะนี้ซูการ์เป็นเจ้าของหุ้นที่มามูลค่ากว่า
650 ล้านเหรียญฯ หรือมากเป็น 45 เท่า จาก 6 ปีก่อน
บอกแล้วผู้หญิงคือผู้สามารถไม่แพ้ชาย ตัวอย่างคือ คาเธอรีนเนอ การซีแอร์
สาวฝรั่งวัย 27 ปี เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเริ่มกิจการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
ด้วยทุนรอน 1.5 ล้านเหรียญ ฯ เธอให้ความเห็นทำนองเดียวกับซูการ์ว่า "
การยืดติดกับงานวิจัยบริสุทธิ์ เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อธุรกิจไฮ - เทค "บัณฑิตสาวหมาด
ๆ จาก INSEAD หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปยังกล่าวด้วยว่า " สำหรับเรานั้น
การตลาดและยุทธวิธีมาก่อน "
กลุ่มคนรุ่นใหม่ยังเอาใจใส่ต่อพนักงานที่ขยันขันแข็งด้วย ส่วนใหญ่มากใช้วิธี
STOCK OPTIONS คือเปิดโอกาสเจ้าของกิจการของตนเองด้วย ซึ่งเร่องดูจากกรณี
ของ อลิซเบธ กลัค วัย 31 ปี หนึ่งในจำนวนผู้หญิงอังกฤษ 350,000 คน ที่ประสบความสำเร็จจากการเช้าธุรกิจของตนเองนับแต่ปี
1979 โดยบริษัท PROGRMMES ซึ่งทำรายได้ปีละ 18 ล้านเหรียญฯ ของเธอ จะสนับสนุนพนักงานไฟแรงให้ริเริ่มให้ธุรกิจของพวกเขาเอง
ตัวเธอเองก็เริ่มมาจากเงินที่กูมา 800 เหรียญฯ และอาศัย "ขอบหน้าต่างในสำนักงานของเพื่อนคนหนึ่ง
" เปิดกิจการ PROGRAMMES เมื่อปี 1981
บริษัทของเธอเป็นกิจการโทรศัพท์ที่ใช้การตลาดโดยตรงแห่งแรกและโตเร็ว ที่สุด
เธอว่างั้น และบอกว่า "ทุกคนเริ่มงานที่นี้โดยใช้เวลา 6 เดือนกับงานโทรศัพท์
และถ้าหากพวกเขามีไอเดียที่ดี เราก็จะให้โต๊ะทำงานของพวกเอง และถ้าไป ได้ดี
เราก็จะช่วยเหลือทางด้านการเงิน "
แรงผลักดันและความใฝ่ฝัน
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่คนยุโรปที่ออกมาทพธุรกิจของตัวเองทุกวันนี้ก็คือความอยากกระหายในความเติมโตซึ่งไม่มีนักในหมู่ผู้ประการรุ่นเก่า
บริษัท PIE MEDICAL ของบาส อัลเบิร์ทส มียอดขายเมื่อปี 1686 จำนวน 15 ล้านเหรียญ
ฯ และนับเป็นบริษัทเนเธอร์แลนด์แห่งแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากเงินทุน VENTUYRE
CAPITAL โดยมาหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในงานหุ้น OVER - THE COUNTER ของอัมสเตอร์ดัม
เขากล่าวว่า "ถ้าเราไม่มีโชคพอที่จะได้ทางเลือกสายนี้ละก็ มีหวังต้องไปพยายามเติมโตเหมือนธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่ของชาวดัทช์ทำกัน
ซึ่งเชื่องช้ามาก"
แรงผลักดันทำนองกันนี้ยังทำได้ทำอดีตเซลส์แมนขายรองเท้าชาว ไอวิช ที่ชื่อ
เจฟ รีด วัย 32 สามารถขอการสนับสนุนของบริษัท BALLYGOWAN SPRING WATER ที่กำลังเติมอย่างรวดเร็วของเขาจากบริษัทเงินทุน
ANHEEUSER BUSCH เพียงสองหลังจากเลิกการทำการ
สภาพการประกอบการที่กำลังรุ่งอยู่ในปัจจุบันนี้ นรับเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในการบรรยากาศการเมืองและสังคมของยุโรป
ทั้งเมื่อ "2-3 ปีที่แล้วนี้เองคำว่าผู้ประกอบการ ยังเป็นคำที่ใคร ๆ
ต้องร้องยี่อยู่เลย " คำพูดของรีซาร์ด แบรนสัน เศรษฐกิจใหม่อีกราย วัย
36 ผู้ก่อตั้งและประธาน VIRGIN GROUP อันเป็นกลุ่มเครือบริษัทธุรกิจบันเทิงและการหย่อนใจ
พร้อมด้วยบริษัทสาขาอีก 19 ประเทศ ความคิดดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง
ๆ จนเป็นที่ยอมรับของนักธุรกิจที่ใฝ่ฝันจะทำเงินก้อนโต
"เมื่อสิบปีที่แล้ว ถ้าใครเห็นรถโรสรอยซ์ พวกเขาก็จะพูดทำนองว่า -ทำไมเขาต้องขี่เจ้านั่นด้วยนะ
มาเดี๋ยวนี้คำถามคงเป็นว่า - ทำยังไงที่ผมจะได้มันมาประดับบารมีสักคัน "
แอนโทนี มาร์ติน ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินสำหรับธุรกิจแบบครอบครัว วัย 46 กล่าวไว้เป็นปรัชญา
แบรนสันเป็นผู้ที่ประกอบการที่เริ้ดหรูคนหนึ่ง เขาใช้เวลาพักผ่อนกับเรือเร็วข้ามอแอตแลนติค
และล่องบัลลูนเล่นสบายเฉิบบางครั้งก็สนุกกับงานฉลองประเภทที่ครั้งหนึ่งเคยมีสำรองไว้เฉพาะดาราดังไม่ก็เชื่อพระองค์เท่านั้น
เขาเริ่มต้นธุรกิจของตนเมื่อปลายทศวรรษ 1980 โดยการขายโฆษณาบางชิ้นในราคา
20,000 เหรียญฯ จากตู้โทรศัพท์ที่ไฮสคูลของเขาเอง ต่อมาได้ออกนิตยสารระดับชาติที่ประสบความสำเร็จฉบับหนึ่งแล้วก็ย้ายเข้าวงการค้าปลีกแผ่นเสียงและการบันทึกเสียง
"เรามีกฎที่เคร่งครัดอันหนึ่งว่า ร้านใหม่จะต้องเปิดทำการในวันแรกของเดือน"
แบรนสันว่าถึงมองมอตโต้ของตนเอง โดยให้เหตุผลตามมาว่า "วิธีนี้เรามีเวลาถึงสองเดือน"
แบรนสันว่าถึงมอตโต้ของตนเอง โดยให้เหตุผลตามมาว่า "วิธีนี้เรามีเวลาถึงสองเดือนที่จะหาเงินสดมาจ่ายบิลล์อย่างไงล่ะ"
ต่อมาเขาหันไปเปิดกิจการสายการบินนอกเส้นทาง VIRGIN ATLANTIC ซึ่งบินจากลอนดอนถึงนิวยอร์ค
และไมอามี่ เมื่อฤดูใบไม้ล่วงที่แล้ว VIRGIN ได้จัดตั้งทุนจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน
68 ล้านเหรียญ ฯ แบรนสันยยังได้วางแผนที่จะสร้างสาขาบริษัทสหรัฐเพื่อบุกตลาดธุรกิจแผ่นเสียงอันมหึมาขอวอเมริกาลงได้ด้วย
ทรัพย์สินส่วนตัวของแบรนสันปัจจุบันมีถึง 350 ล้านเหรียญ ฯ โดยประมาณรวม
ทั้งเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งในหมู่เกาะวอร์จิน (ซึ่งอยู่ในบริเวณหมู่เกาะอินเดียตะวันตกด้านตตะวันออกของของเปอร์โตริโก
โดยซีกตะวันออกเป็นประเทศอังกฤษ และซีกตะวันตกครอบครองโดยสหรัฐฯ) ในการหยั่งเสียงครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้
เขาติดกลุ่มในฐานะบุคคลที่เยาวชนอังกฤษนิยมชมชอบมากที่สุดรองจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส
และสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2
เดวิด บรูช วัย 39 แม้ไม่โอ่อ่าอย่างแบรนสัน แต่ก็มีประสบการทำนองเดียวกัน
เขาลาออกจากงานมาเปิดกิจการร้านขายเหล้าแบบลูกโซ่ (A CHAINOF PUBS) ซึ่งผลิตเบียร์ของตนเองมาตั้งแต่ปี
1978 เพื่อนพ้องต่างสงสัย ตอนที่เขาบอกว่าจะไปทำงานที่เป็น "งานจริง
ๆ " เสียที ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของ PUB หลายแห่งมีพนักงาน 120 คน และยอดขายถึง
4.5 ล้านเหรียญ ต่อปี
เขา กล่าวว่า "ค่านิยมทางสังคมที่ค่อยขัดขวางไม่ให้คุณเริ่มต้นทางธุรกิจของตัวเองได้เปิดทางให้พิสูจน์และผมก็ไม่ใช่คนแปลกประหลาดอีกต่อไปแล้ว"
ถนนสายนี้มุ่งสู่ความร่ำรวย
กล่าวกันว่าการยึดกุมความนิยมของผู้คน และพยายามสร้างความร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็วในอังกฤษนั้น
ไม่มีอะไารมากไปกว่าความสำเร็จของตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทาะเบียนของลอนดอนซึ่งลอกแบบจากตลบาดหุ้น
OVER -THE - COUNTER ของสหรัฐฯ โดยมีบริษัทซื้อขายหุ้นในสังกัดอยู่ 368 แห่ง
ในมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านเหรียญ ฯ และได้กำเนิดเศรษฐกิจขึ้นมาถึง 300 ราย
เป็นอย่างน้อย นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 1980 เป็นต้นมา
"ROLES MOUDELS นับเป็นอำนาจอันทรงพลังในการพัฒนาอุตสาหกรรมซิลิคอน"
เจฟฟรีย์ เทย์เลอร์ หัวหน้าฝ่าย VENTURE CAPITAL ของ INVES TORS IN INDUSTRY
ซึ่งเป็นองค์กรณ์พัฒนายักษ์ใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยธนาคารหลายแห่งกล่าว
"เดี๋ยวนี้เรากำลังเอาวิธีนี้ขึ้นมาใช้ (ในอังกฤษ)
จากข้อเสนอที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนถอนตัวได้ เมื่อพวกเขานำบริษัทขนาดย่อมออกสู่มหาชน
ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ทะเบียน แสดงบทสำคัญในการดึงดูเงินทุน VENTURE
CAPITAL เข้ามากขึ้น ตามข้อมูลของบริษัทตามที่ปรึกษาสหรัฐ ฯ VENTURE ECONOMICS
ได้ชี้ว่าบริษัทเงินทุน VENTURE CAPITAL ได้เพิ่มขึ้นจากจำนวน 27 แห่งในปี
1981 เป็น 126 แห่งในขณะนี้ "เพียงช่วง 5 ปีเท่านั้นที่อุตสาหกรรม VENTURE
INDUSTRY ขาวอังกฤษก้าวไปสู่ระดับที่มั่นคง ซึ่งสหรัฐ ฯ ต้องใช้เวลา 25 ปี
กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ " ซูซาน ลอยด์ หัวหน้าสำนักงาน VENTURE ECONMOICS
ที่กรุงลอนดอน กล่าว
หันไปมองด้านฝั่งทวีปบ้าง ฝรั่งเศสดูจะเป็นประเทศที่เข้ากันได้ดีที่สุดกับความกระตือรือร้นของผู้ประกอบการอังกฤษอย่าง
คริสโตเฟอ โชซอง วัย 32 ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทุน VENTURE CAPITAL แห่งใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นจากนักธุรกิจรุ่นเยาว์
23 คน จึงเรียกขานกันในนาม "กลุ่ม 23 " " กล่าวว่า "เมื่อ2-3
ปีก่อน ขั้นสุดยอดของความสำเร็จคือการไต่ไปถึงยอดของบริษัทข้ามชาติแต่เดี๋ยวนี้คนหนุ่มสาวในฝรั่งเศส
พอใจที่จะแสวงหาแนวทางของตัวเองมากกว่า "
บุรุษที่สร้างตัวเองอีกคนคือ เบอร์นาร์ด ทาปี ผู้เป็นดาราเพลงป๊อปยอดนิยมอันดับสองในหมูวัยรุ่น
จากการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถึงแม้เจ้าตัวบอกว่า ตนได้ซื้อบริษัทแห่งหนึ่งเคยล้มละลายไปแล้วในราคาถูก
แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจส่วนตัวที่ทำงานได้ปีละ 1,000 ล้านเหรียญฯ
อาชีพอย่างหนึ่งของเขาได้แก่ การจัดแข่งขันเรือระยะทาง 250 ฟุต โดยลูกเรือรุ่นเยาว์กว่า
18 ปีนอกจากนี้ทาปียังเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ใยอดนิยม AMBITIONS ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับการสำรวจหาแนวทางแก้ปัญหาต่าง
ๆ ของการเริ่มต้นธุรกิจใหม่
แม้คำว่าผู้ประกอบการ (ENTRE PRENEUN) ซึ่งเป็นรากศัพท์ของภาษาฝรั่งเศสเอง
แต่การฟื้นตัวเองการประกอบการในประเทศนี้เริ่มขึ้นในปี 1983 เมื่อพรรคสังคมนิยมได้ส่งเสริมการพัฒนาเข้าปกครองประเทศโดยได้ใช้อำนารอย่างเฉียบขาดฉุดรั่งให้พ้นจากการกระโจนลงเหวเศรษฐกิจ
รัฐบาลสังคมนิยมได้ส่งเสริมการพัฒนาตลาดหุ้น OVER - THE - COUNTER ของฝรั่งเศษ
และเสนอ แรงจูงใจในการลงทุนต่าง ๆ ไปจนถึงการกำหนดช่วงปลอดภาษี 5 ปี สำหรับบริษัทใหม่ในปี
1985 เพียงปีเดียว บริษัทเกิดใหม่ในฝรั่งเศษ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และยิ่งฝ่ายอนุรักษ์นิยมกลับสู่อำนาจเมื่อปีกลายด้วยแล้ว
แนวโน้มนี้ยิ่งเร่งขึ้นไปอีก
จากการสำรวจของรัฐบาลเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าจำนวนคนฝรั่งเศสที่แสดงความตั้งใจจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองภายในปีที่ถึง
เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปี 1984 คือ 800,000 รายทีเดียว มอริเชนีโอ หุ้นส่วนของบริษัทเงินทุน
VENTUER CAPITAL ที่ชื่อ ALAN PATRICOF ASSOCIATES ซึ่งสำนักงานประจำกรุงปาริส
กล่าวว่า "การหมุนเวียนของลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 50% ในช่วง 6 เดือนก่อนและมาการปรับปรุงคุณภาพขึ้นด้วย"
ยอดสุทธิของเงินทุนประเภทนี้ในฝรั่งเศสอาจจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ภายในสิ้นปีนี้เป็นจำนวนรวม
1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
จากลูกค้ามาเป็นนายตัวเอง
ราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาด OTC ซึ่งเป็นชื่อย่อยของ OVER - THE - COUNTER
ทำให้มูลค่าในตลาดรวมของบริษัทที่สังกัดอยู่ 185 แห่ง สูงถึง 16 พันล้านเหรียญ
และสร้างผลกำไรสูงลิบให้กับนายทุนประเภทนี้ และเก็บเกี่ยวมหาศาลบรรดาเศรษฐีใหม่ฝรั่งเศส
เศรษฐีหน้าใหม่หนึ่งในจำนวนนี้ได้แก่ ณอง มิเซล ออลาส วัย 37 แห่งเมืองลีอองส์
ซึ่งเคยทำงานอิสระในฐานะที่ปรึกษาด้านการป้อนข้อมูลคอมพิวเตอร์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ก่อนหันมารับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจจจัดหาซอฟท์แวร์ ทางบัญชี
ป้อนให้กับบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลาง
ผลกำไรจากยอดขายและการดำเนินงานเมื่อปีที่แล้วของบริษัท ออลาส ที่ชื่อ
CIGID สูงถึง 27 ล้านเหรียญ และ 5 ล้านเหรียญ ฯ ตามลำดับ และนับตั้งแต่การเปิดขายหุ้นมหาชนมูลค่า
50 ล้านเหรียญ ฯ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ CIGID ได้กระโดดขึ้นไปเป็น
6 เท่าตัว เพิ่มมูลค่าหุ้น 40 % ของออลาสเองให้มาค่าถึง 130 ล้านเหรียญฯ
หนทางที่ส่งผลกลับมาอย่างสุโขเช่นนี้เป็นนจุดเริ่มต้นดึงดูดคนยุโรปผู้กล้าหาญ
2-3 รายถึงกับยอมลาออกจากบริษัทใหญ่ ๆ มาแสวงหาหนทางบของตนเอง ผู้อพยพจากบริษัทดังกล่าวนี้
คนหนึ่งคือ ฟิลิปอ แปร์ริน วัย 36 ผู้ใช้เวลาถึง 13 ปี ผ่านงานระดับผู้จัดการมาแล้วหลายแห่ง
แรกก็ที่ ROUSSEL UCLAF ผู้ผลิตรายใหญ่ของฝรั่งเศส แล้วต่อมาก็ที่ ABBOTT
LABO RAPORIES เขาได้เข้าหุ้นรับอดีตนักบริหารอุตสาหกรรมยาอีก 2 ราย และด้วยการสนับสนุนจากเงินทุน
VENTURE CAPITAL จำนวน 2 ล้านเหรียญฯ แปร์ริน ก็สามารถเปิดกิจการบริษัทแห่งหนึ่ง
เมื่อเดือนมกราคมที่แล้ว ชื่อ ANOTECH ๆได้มุ่งเป็นซัพพรายเออร์ ในด้านยาเกี่ยวกับพันธุกรรมเป็นแห่งแรกให้แก่โรงพยาบาลต่าง
ๆ ในฝรั่งเศส
"แม้กระทางเมื่อสองปีก่อน ยังนับว่ายากที่จะดึงเงินทุนแบบนี้มาที่นี้"
แปร์ริน ผู้จบเอ็มบีเอ. จากคอร์แนล แห่งสหรัฐฯกล่าว
อดีตผู้บริหาร MOTOROLA ชื่อ ณองลุก กรองด์ - คลีมองต์ วัย 47 เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มที่หาไม่ค่อยได้ในยุโรป
เพราะเป็นผู้จัดการบริหารข้ามชาติที่ลาออกจากบริษัทถึงสองครั้งสองครา เขาเริ่มต้นบริษัทของตนเองเป็นครั้งแรกในต้นทศวรรษที่
1970 ในฐานะผู้ผลิตไมโครคอมพิวเตอร์รายหนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยอาศัยทุนรอนจำนวนเล็กน้อย
ภรรยาของเขาคุมงานฝ่ายบริหารและการเงิน ขณะที่กรองด์ - คลีมองต์ดูแลด้านการตลาดและฝากเทคนิค
แต่เมื่อนายทุนจากซาอุดิอาระเบียระงับการให้ทุนเพิ่มเพื่อขยายงาน กรองด์
- มองต์จึงถึงกลาลล่องจุ๊น และกลับไปที่ MOTOROLA อีกครั้ง "ครั้งนั้นสอนให้ผมรู้ถึงความสำคัญของการเงินที่มั่นคง
และยุทธวิธีที่ชัดเจนจากจุดเริ่มต้น" เขากล่าวถึงบทเรียนที่ได้รับในครั้งแรก
ปัจจุบันธุรกิจล่าสุดของ กรองด์-มองต์ คือบริษัท EUROPEAN SILICON STROCTURES
ที่รู้จักกันในนาม ES2 ซึ่งปัญหาการเงินจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะมีบริษัทเครือข่ายที่ดำเนินการโดย
ADVENT INTERNATIONAL อันเป็นข่ายงานต่างประเทศของ TA ASSOCIATES แห่งบอสตัน
กลุ่มบริษัทเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา ได้ลงทุนใน ES2 ด้วยถึง 46 ล้านเหรียญฯ
บริษัทES2 ผลิตไม่โคซิพแบบสั่งทำ โดยใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ลดทอนเวลาการผลิตได้อย่างมากในการทำชีพรุ่นเล็ก
ๆ
กรองด์ - คลีมองต์ พยายามหลีกเลี่ยงสงครามอัตราราคา ที่ทำลายผู้ผลิตชีพไปมากแล้ว
โดยหันมาให้ความสนใจกับตลาดที่มีช่องว่างอยู่สำหรับอุตาสาหกรรมในยุโรปซึ่งโดยทั่วไปจะผลิตอีเล็กทรอนิกส์ในจำนวนตำกว่า
20,000 หน่วย เป้าหมายของเขาคือ ยอดขายปีละ 100 ล้านเหรียญฯ ในระยะ 5 ปี
ขณะเดียวกันความวิตกที่จะถูกทิ้งห่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ในการแข่งขั้นด้านเทคโนโลยี
ทำให้ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมยุโรปเริ่มหันไปหาบริษัทขนาดย่อม และบริษัทเกิดใหม่อย่าง
ES 2 มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง โอลิเวตตี้ ฟิลิปส์ และซาบ รวมทั้งบริษัทอื่น
ๆ ร่วมเป็นเจ้าของ ES2 ถึง 50 %ขณะที่ ADVENT และบริษัทเงินทุนอื่น ๆ ถือหุ้น
30 % และส่วนที่เหลือเป็นส่วนพนักงานระดับสามัญต่าง ๆ ในบริษัทเอง
กองทุน VENTURE CAPITAL ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันตะวันตก คือ TECHNO- VENTURES
MANAGEMENT ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เมืองมิวนิค ได้เปิดบริการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ด้วยเงินทุนจำนวน 40 ล้านเหรียญฯ โดยมีบริษัทซีเมนส์ ซึ่งเป็นบริษัทอิเลกทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมัน
เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญรายหนึ่ง และเมื่อเร็ว ๆ นี้กลุ่มบริษัทแห่งใหม่รายหนึ่ง
ที่ชื่อ EUROVER TURES ที่ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งโดโอลิเวตตี้
วอลโว่ พิเรลลี และ เซนต์ โกแบง ได้ระดมเงินทุนขึ้นมาถึง 225 ล้านเหรียญฯ
วิธีการซื้อช่วงการจัดการ หรือ MANAGEMENT BUYOUTS เป็นกุลแบจอีกดอกหนึ่งที่ไขความสามารถในเชิงประกอบการภายในบริษัทยุโรปออกมา
อย่างเช่นกรณีของบริษัท ซีเมนส์ ภายหลังที่มีการชักชวนจากนายทุน VENTURE
CAPITAL อิสสระหลายคน จึงได้ตกลงเมื่อสองปีที่แล้วจำขายวิธีการของตนในการทดสอบวงจรไอซี.
ให้แก่พนักงานผู้ที่พัฒนาระบบนี้ขึ้นมา "บริษัทใหญ่" ของยุโรปมากมายแก่ตัวเสียก่อนที่จะตระหนักเรื่องในข้อนี้
" กรองด์-คลีมองต์ แห่ง ES กล่าว "การซื้อช่วงโดยผู้จักการเหล่านี้
บ่อยครั้งเป็นทางที่ดีที่สุดในการตอนกิ่งต้นโอ๊กยักษ์เหล่านี้
การตอนกิ่งด้วยวิธีการดังกล่าว ในอังกฤษนั้นเป็นที่นิยมโดยกว้างขวางมาแล้ว
จากข้อมูลของศูนย์วิจัยทางด้านนี้ของมหาวิทยาลัย นอททิงแฮม ชี้ว่า เงินจำนวนมากกว่า
2.5 พันล้านเหรียญฯ ได้จ่ายไปกับการตกลงซื้อช่วง 250 ราย เมื่อปีกลาย เทียมกับจำนวน
50 ล้านเหรียญฯ สำหรับ 52 รายในปี 1979 อย่างไรก็ตาม บนฝั่งทวีปกลับเป็นที่นิยมน้อย
และอยู่ในอัตราที่ขึ้น ๆ ลง ๆ อาจเป็นเพราะนายทุนและผู้จัดการฝั่งทวีปมีความเป็นอนุรักษ์นิยมมากกว่า
นอกจากนั้นส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีครอบครัวเป็นเจ้าของ
โดยขนาดนี้เป็นพวกรุ่นที่3 โดยกว่าที่จะให้พวกเขาพร้อมที่จะขยายการจัดการออกไปก็คงตกราว
ๆ รุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขาอีกทีหนึ่ง
เคลาส นาธูซิอูส ผู้ริเริ่มกองทุน VEN TURE CAPITAL รายแรกของเยอรมานตะวันตกกล่าวว่า
"นับตัวได้เลย จะมีสัก 2 ในพันรายที่ยอมรับการซื้อช่วงการจัดการในเยอรมัน"
การซื้อช่วงโดยผันบรรดาผู้จักดาไปให้กับผู้ประกอบการนี้ คงจะทำให้นักการเมืองที่หมกมุ่นอยู่กับปัญหาการว่างงานดีใจอยู่ไม่น้อย
เพราะวิธีดังกล่าวจะช่วยสร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กับธุรกิจใหม่
ในการศึกษาเรื่องนี้ของอังกฤษที่เกิดขึ้นในปี 1979 นักวิจัยที่มหาวิทยานอททิงแฮม
พบว่า การจ้างงานโดยเฉลี่ยเริ่มลดลงเพราะบริษัทที่มีปัญหากำลังจะสะสางตัวเองแต่นับจากนั้นมาอัตราการจ้างงานก็เพิ่มมากขึ้นร้อยละ
11 ก่อนปี 1983
MACRO4 ของอังกฤษซึ่งผลิตซอฟท์แวร์ระบบพิเศษสำหรับเครื่องเมนเฟรมของ ไอบีเอ็ม
เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ถูกดึงไปอยู่ในความดูแลของนักจัดการเมื่อปี 1984 จากการซื้อช่วงที่
ADVENT INTERNA TIONAL ให้การสนับสนุนด้านการเงินอยู่เป็นผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
5 เท่าในช่วงสองปี นับจำนวนเงินมากกว่า 4 ล้านเหรียญฯ และพนักงานก็เพิ่มมากขึ้นเกือบสองเท่า
เทอร์รี่ เคลลี่ กรรมการผู้จักการของบริษัทคาดคะเนว่า บริษัทจะเติมโตโดยรวมถึง
40 - 50 % "ในไม่กี่ปีข้างหน้า"
กฎระเบียบที่ยังเป็นปัญหา
ผู้อยากบินสูงของยุโรปดูเหมือนกำลังจะเผชิญกับข้อจำกัดมากกว่าคู่ค้าอเมริกัน
จากประสบการณ์ของเปาโล วิททาดินี วัย 29 ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอคโคนีที่มีชื่อแห่งมิลาน
ซึ่งได้เอาข้อสังเกตของพนักงานส่งสารมอเตอร์ไซค์ที่ส่วเสียงคำรามลั่นถนนใจกลางเมืองลอนดอน
ระหว่างที่เขาเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่นั้น กลับไปริเริ่มกิจการของตัวเองโดยร่วมกับหุ้นส่วนคนหนึ่ง
เมื่อปี 1984 บริษัท PONY EX PRESS หรือ "ม้าเร็ว" เป็นบริการส่งของทางมอเตอร์ไซค์แห่งแรกของอิตาลี
โดยปีที่แล้วได้ขยายสาขาออกไปอีก 4 เมืองใหญ่ ทำให้ยอดบินลิ้วสูงถึง 2.7
ล้านเหรียญฯ และสร้างงานนอกเวลาให้กับวัยรุ่นสิงห์มอเตอร์ไซค์ได้อีกถึง 10,000
คัน
นับจาก PONY EXPRESS เริ่มกิจการมา ปรากฏว่ามีบริษัททำนองเดียวกันถึง 200
แห่ง กระจายไปทางคาบสมุทรอิตาลีเลยทีเดียว แต่ปัญหาของวิททาดินี กลับไม่ใช่การแข่งขัน
หากเป็นเรื่องระเบียบข้อบังคับเพราะภายใต้กฎหมายอิตาลีนั้น บริการส่งด่วนถูกห้ามโดยปริยายในการส่งเอกสารพวกจดหมาย
บันทึกข้อความ หรือการสื่อสารอื่นใดที่มีลายเซ็น ทั้งนี้จะต้องได้รับการประทับตราจากเจ้าหน้าที่
ที่สำนักงานไปรษณีย์ของรัฐเสียก่อน ซึ่งมีอำนาจบังคับทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองการผูกขาดนี้ด้วย
นอกจากการเสียค่าปรับของพนักงานมอเตอร์ไซค์ของ PONY EXPRESS ซึ่งไม่ค่อยสนใจกฎระเบียบแล้ว
สำนักงานไปรษณีย์กลางกำลังจะออกข้อบังคับใหม่ ๆ ตามมาอีกมากมาย "ความจริงเราอยากจะขยายกิจการออกไปทางด้านอื่น
ๆ เพิ่มขึ้น เช่นการส่งอาหาร หรือส่งยา " วิททาดินีกล่าว "แต่สิ่งแรกที่เราต้องการคือ
การรับรองทางกฎหมายมรสิทธิที่เรามีอยู่"
ภาวะกฎระเบียบฟ้องเช่นนี้ หรือที่เรามักเรียกกันว่า "เรด -เทป "
หรือระบบเช้าชามเย็นชาม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การจ้างงานในภาคบริการของยุโรปยังตามหลังอเมริกา
และญี่ปุ่น ภาคบริการที่ไม่อาจเติมโตได้ส่วนนี้ยังส่งผลให้ภาวะการจ้างงานของยุโรปยังติดกึกอยู่ที่
11 % มาตั้งแต่ 1982 ในขณะที่บริการด้านนี้ของสหรัฐ ฯ ได้ช่วยงานมากถึง 21
ล้านอัตราในช่วงสิบปีที่แล้ว
แม้จะมีแรงกระตุ้นจากผู้ประกอบการใหม่ ๆ จนทำให้กำแพงแห่งกฎระเบียบค่อย
ๆ ลดลงมาบ้าง แต่ก็เป็นไปอย่างเชี่ยงช้า อิสซาเบล รูบิโอ วัย 28 จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจชั้นนำของสเปน
INSTITUTO DE EXPRESA บอกเล่าว่า เมื่อครั้งที่เธอพยายามเปิดร้านครัวซองแห่งแรกของตนเองขึ้นที่กรุงแมดริดเมื่อ
3 ปี ก่อน เธอต้องผ่านด่านระเบียบข้อบังคับที่หยุมหยิม และบ่อยครั้งขัดกันเองถึง
45 ข้อ กว่าจะได้รับใบอนุญาตดำเนินการได้ ทุกวันนี้ผลของการรณรงค์ของเธอในเรื่องนี้ทำให้ธุรกิจใหม่
ๆ ในสเปนสามารถผ่าพ้นระเบียบทุกอย่างในมีอยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐบาลแห่งเดียวเท่านั้น
นอร์แบร์ท วาลแตร์ วัย 42 นักเศรษฐศาสตร์นำรุ่นใหม่คนหนึ่งของเยอรมันตะวันตก
ที่กำลังวิจัยทฤษฎีของตนที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ในสหรัฐฯ ในขณะนี้
เชื่อว่าอาจมีการเชี่ยมโยงที่น่าสนใจระหว่างการเกิดของธุรกิจ กับการเกิดจริง
ๆ ของคนเรา เพราะยิ่งมีการแข่งขันกันมากขึ้น ซัพพรายที่มีจำกัดของงานบริษัทที่มีอยู่
ให้ผู้มีความสามารถให้หันไปแสวงหาหนทางของตนเอง "ในช่วง 120 ปีที่แล้วในสหรัฐฯ
ดูเหมือนว่าอัตราที่เพิ่มของการเกิดทุกครั้ง จะตามมาด้วยระรอกของบริษัทธุรกิจที่เกิดใหม่สหรัฐฯ
ที่เพิ่มเป็น 6 เท่าตัว ตั้งปลายทศวรรษที่ 1950 เป็นต้นมา การเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกิดใหม่ในปัจจุบันของยุโรป
ซึ่งมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นช่วงหลังสงคราม ให้หลังของอเมริกามาแล้วหนึ่งทศวรรษก็อาจเป็นเหมือน
"เสียงกัมปนาทที่ดังขึ้นก่อนพังทลายของภูเขาน้ำแข็ง " ที่จะตามก็เป็นได้
นิตยสารฟอร์จูนฉบับเดียวกันสรุปท้ายไว้ว่า ทฤษฎีที่ว่ามายังไม่มีใครที่พร้อมจะยืนยัน
แต่ว่าทัศนคติที่มีต่อการประกอบการในยุโรปมีการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด เกินกว่าที่ใครจะคาดการณ์ไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว
"ตอนนี้ผู้คนกำลังพูดกันถึงการสร้างผู้ประกอบการ" ฮวน เอฟ . คาดา
วัย 36 นายทุน VENTURE CAPITAL และผู้อำนวยการทั่วไปของสถาบันการจัดการระหว่างประเทศ
ประจำกรุงเจนีวา อันเป็นสภาบันธูรกิจชั้นนำของยุโรปกล่าวไว้ "ทางหมดที่พวกเราได้ทำมาแล้วในยุโรปก็คือการสร้างสรรค์บรรยากาศที่เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมให้พวกเขาออกมาจากห้องแคบ
ๆ "
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของยุโรปอยู่ในภาวะที่แข่งขันได้ ผู้นำทางการเมืองจะต้อง
เล็งเห็นความสำคัญของการบำรุงรักษา และปรับปรุงบรรยากาศดังกล่าว ส่วนที่เหลือจากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการยุโรปดูแลกันไปเองต่อไป