ความเป็นสังคมนิยมอ่อน ๆ ของเอบี อีเลคโทรลักซ์ แห่ง สวีเดนหาได้ตีตรวนความสำเร็จไปได้ไม่
ปัจจุบันบริษัทกลายเป็นพี่เบิ้มของโลก อุตสหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าไปเสียแล้ว
พร้อมกับบัญชาบริหารงานแบบถึงไหนถึงกันด้วยยอดขายมากกว่า 300 ล้าน ของสาขาเมืองไทย
ทำให้เอบี ต้องยอมรับความเป็นดาว จรัสแสงโดยดุษฎี และด้วยศักยภาพในตัวตัดสินกับทีมงานที่เป็นเลิส
ต้นตำรับงานขายตรงรายนี้คงไม่มีทีเด็ดมาให้ยลในอนาคตอันใกล้นี้!!!!???
เกริกศักด์ รัตนสิมานนท์ กับรางวัล "แมน ออฟ เดอะ เยียร์ " ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ
10 ปี สของอีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ย่อมเป็นความภาคภูมิใจที่เด็กหนุ่มเมืองตรังคนนี้จักต้องจดจำ
เพื่อขวนขวายหาความสำเร็จสูงค่ายิ่งกว่านี้ขึ้นไปอีก
และกับเพื่อนพนักขายทั่วงานว่ากับคนทั้งประเทศ พวกเขาย่อมถือสิทธิโดยชอบธรรมที่จีะปินติดีใจไปกับรางวัลเหลียญรองแซมป์โลกอันดับ
2 จากการประกวด " ELECTROLUX DIRECT SELLNG WORLD CHAMPIONSHIP 1986
"
เพราะว่าเหรียญตราแห่งชัยชนะที่ได้รับ หากใช่เกิดจากโชคหรือเกื้อหนุนช่วย
แต่เป็นผลจากความมานะพยายามที่จะเอาชนะนความยากลำปากนานับประการในงานขายตรงของพวกเขาต่างหาก
ทั้งนี้ผสมผสานกับความเชื่อมั่นในศักยภาพของสินค้า และการบริการที่เป็นหนึ่งมาเสมอ
แน่นอนว่าความใฝ่ฝันสูงสุดคือตำแหน่งแซมป์โลก แต่เมื่อดูถึงอายุก่อตั้งที่ยังไม่ครบ
สิบปีเทียบกับอีก 40 ปี กว่าสาขาทั่วโลกที่อีเลคโทรลักซ์ เวิร์ลไวด์ ได้เข้าไปแตกหน่อผลิตใบเป็นเวลามากกว่าทตศวรรษความสำเร็จของอีโทรลักซ์
(ประเทศไทย ) ที่เกิดขึ้นก็เพียงพอที่จะประทับใจได้ระดับหนึ่ง
พวกเขาอาจอิ่มเอิมใจเป็นทบเท่า ถ้าจะได้รู้ว่ากว่าจะถึงวันนั้น สิบปีกับความกล้าหาญที่นำเอาระบบขายตรงเข้ามาแพร่ในเมืองไทยของอีโทรลักซ์
ต้องเผชิญอุปสรรค์ขวากหนามบนเส้นทางก้าวย่างซึ่งมิใบใช่โรยด้วยดอกกุหลาบงานในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหลือคณานับ
ความเป็นปรึกแผ่นที่คนหนุ่มสาวรับมาสานต่อในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนจะมีใครรู้ไหมว่า
พนรักงานของบริษัทยุคแรก ๆ ต้องถูกปรามาสเยาะเย้อถากถาง ด้วยสายตาที่ดูมิ่นดูแคลน
และฝังด้วยท่าทีคลางแคลง ของผู้คนรอบข้างอย่างมากมาย!!!
"สมัยนั้นคนไทยยังไมส่ชินกับระบบขายตรง พอไปกรดกริ่งเสนอขายสินค้าสายตาที่จับจ้องก็มองว่า
พวกเราเป็นหัวขโมยโจรห้าร้อยหรือป่าว เอาของมาเร่ขายไม่น่าเชื่อถือ มิหน่ำซ้ำกสารไปกดกริ่วตอนกลางคืนยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีกทำงัยได้ตอนนั้นขายของได้ก็เพราะตอนกลางคืน
"คราวหนึ่งผมเข้าไปขายเครื่องดูดฝุ่นในบ้านบ้านนายทหารผู้หนึ่ง รีะหว่างสาธิตวิธีการใช้เครื่องเจ้าของบ้านถึงขนาดกุมปืนกระบอกชับมั่นในมือ
ถ้าเราแสดงพิรุธหรือตื่นตระหนกอะไรออกมา ง่ายครับโป้งเดียว ไม่ต้องสั่งเสียอะไรกันเลย
" พนักขายรุ่นบุกเบิกคุยให้ "ผู้จัดการ" ฟังด้วยความระทึกเหมือนกับเหตุการณ์นั้นผ่านไปหมาด
ๆ
นักล่ามือทอง ในระบบขายตรงหลายคนพูดถึงอีเลคโทรลักซ์ พร้อมทั้งข้อสังเกตไปในตัว
"ผู้จัดการ" ว่า " ถ้าว่ากันในระบบ DOOR - TO - DOOR อย่างแท้
ๆ ต้องยอมรับว่ายอดขาย 300 ล้านบาทในแต่ละปีของบริษัทนี้ (เฉพาะเมืองไทย)
ถือเป็นรายได้ขั้นสูงที่ทำได้ไม่ง่ายนัก และอาจกว่าทุกบริษัท ก็น่าคิดไม่น้อยว่าต้นกำเนิดของอีเลคโทรลักซ์
มาจากประเทศสังคมนิยมอย่างสวีเดน และหลักการและกลยุทธ์การขายของเขาทำเอาบริษัทของปรีะเทศทุนนิยมต้องอายม้วนเลยทีเดียว
กรณีของอีเลคโทรลักซ์น่าศึกษาไม่น้อย "
เมื่อเดือนกันยายน 2520 เอบี อีเลคโทรลักซ์ ลงประกาศข้อความโฆษณาสั้น ๆ
ในหน้าหนังสือพิมพ์บางกอกโฟสต์ บ่งถึงเจตจำนงแน่วแน่ที่จะขยายฐานธุรกิจเข้าประเทศไทยเต็มตัว
หลังจากพบช่องทางสดใสบ้างแล้วกับการขายสินค้า ผ่านตัวแทนจำหน่าย (กลุ่มอิตาเลเซีย)
กลุ่มอิตาเลเซีย - เป็นตัวแทนจำหน่าย เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือนชื่อดังโดยรับเป็นตัวแทนให้กับบริษัทยุโรปที่ยังจด
ๆ จ้อง ๆ ไม่กล้าเข้ามาลงทุนจริงจัง กลุ่มนี้เป็นการรวมตังกันของตระกูลขุนน้ำขุนนางเก่าระหว่างสาย
"โทณะวณิก" กับสาย " ณ นคร " มี มร.อดอฟโฟ เบนเนเนทมทิ
ลูกครึ่งไทย - อิตาลี ของคุณหญิงจาด โทณะวณิก กับเภาลีนา ณ นคร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
!!!!
เดือนตุลาคมปีเดียวกันจึงมาการจดทะเบียน ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท อีเลคโทรลักซ์
(ประเทศไทย) จำกัด ระหว่างเอบี อีเลคโทรลักซ์ ของสวีเดนกับอิตาเลย์เซียด้วยทุนจดทะเบียน
3,000,000 บาท แบ่งการถือหุ้นของอิตาเลยเซีย/เอบี ฯ เป็น 51/49
ระหว่างที่เอบี ฯ สอดส่ายรอจังหวะโถมตัวเขั้ามานั้นได้มาตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายราย
ซึ่งบางรายก็มาอธิพลทางการตลาดสูงกว่าอิตาเลเซียหลายเท่าตัวแสดงความประสงค์จะเข้าร่วมหุ้น
แต่ เอบีฯ คงยืนกรานเคารพใน "เกียติ" กับอิตาเลเซีบเป็นอันดับแรก
ข้อต่อของการตัดสินใจนี้แหล่งข่าวกล่าวว่า " น่านับถือสวีเดนมา ระยะนั้นถ้าเขาเลือกร่วมกับกลุ่มอื่นตลาดอาจจะโครมครามมากว่านี้
เพราะชาวงนั้นสินค้าที่ขายอิตาเลเซีย ใฝชข่ว่าจะตื่นตูมมากนักมีไม่น้อยวางโซว์ไว้ในสยามสแควร์จนฝุ่นจับเขรอะไปหมด
แต่เดี่ยวนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงการเติมโตที่ค่อนข้างจะหนักแน่นมั่นคงและอุดรั่วของปัญหาที่จะทำลายโอกาสทองลดโดยสั้นเชิง"
อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) ยุตก่อตั้งเริ่มต้นโดยพนักงาน 4 คนเท่านั้น
มร.โรเบิร์ต คิลเบิร์ก เป็นผู้จัดการทั่วไป ร่วมด้วยทีมงานตลาดคนไทยอีก 3
คน พุฒ เบญจมงคลวารี วีระพงษ์ สังขะปรีชา และสุรพล สามคนนี้ถูกส่งไปอบรมงานที่สิงคโปร์และมาเลเซีย
1 เดือน ก่อนมาประจำที่ออฟฟิศซึ่งตั้งอยู่ในซอยเจริญมิตร เอกมัย
พุฒ เบญจมงคลวารี - เมื่อพบโฆษณาสมัครงานในระบบขายตรงของอีเลคโทรลักซ์ก็ทำให้นักการตลบาดหนุ่มผู้นี้ที่เคยผ่านงานกับบบริษัทดัง
ๆ มาแล้วหลายแห่งเช่น ดีทแฮล์ม เชลล์ไทยอินเตอร์ เดนซ่า ยอมเบนเข็มชีวิตมุ่งหน้าสู่การท้าทายในรูปแบบใหม่ทันที
พุฒอยู่ที่อีเลคโทรลักซ์นานถึง 6 ปี นับเป็นบริษัทที่เขาอยู่นานที่สุดตำแหน่งสุดท้ายเขาก้าวขึ้นผู้บริหารอันดับ
2 เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด
วีระพงษ์ สังขะปรีชา คนหนุ่มไฟแรงที่ผ่านสมรภูมิการขายมาอย่างโชกโชนเช่นกัน
เขาก้าวเข้ามาอยู่อิเลคโทรลักซ์ด้สนเหตุผลที่ไม่ต่างจากพุฒมากนัก ระยะเวลา
2 ปี เศษที่อยู่กับอีเลคโทรลักซ์ วีระพงษ์นับเป็นเงื่อนไขสำคัญดอกหนึ่งที่ไขความสำเร็จมาสู่ปัจจุบัน
ปัจจุบันวีระพงษ์เป็นผู้จัดการของ เคนตั๊กกี้ ไฟด์ ชิ้กเก้น
"ตอนไปอบรมพวกเราตื่นเต้นกันมาก ได้เห็นคนงานที่เป็นคนหนุ่มไม่เกิน
40 ปี ร่วมแรงแข่งขันกันอย่างใจจดใจจ่อจนปลุกจิตใจพวกเราให้กระหายที่จะได้เห็นความคึกคักของงานขายตรงในรูปแบบ
DOOR - TO DOOR ขึ้นในบ้านเราบ้าง " พุฒลำลึกอดีตแห่งหนหลังให้ "ผู้จัดการ"
ฟัง
ปลายเดือนตุลาคมปี 2520 สินค้าล็อตแรกก็แย้มตัวลองของตลาดด้วยเทคนิคขายตรงอย่างจริงจัง
โดยนำร่องด้วยเครื่องดูดฝุ่น P- LINE สินค้าตัวแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับอีเลคโทรลักซ์มาแล้วทั่งโลก
อาจเป็นจังหวะดีด้วยว่าขณะนั้นการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ขยายตัวอย่างคึกคักมีแนวโน้วดึงดูความสนใจให้คนใช้เครื่องดูดฝุ่นกันมาก
แต่กรรมไหมล่ะ พอเห็นราคาขายเท่านั้นหลายคนถึงกับบร้อง "ยี่"
ออกมาดัง ๆ หลายรายเบือนหน้าหนีโดยไม่ใยดี เพราะว่าเครื่องอะไรกันราคาสูงถึง
3,000 - 4,000 บาท แพงกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่วางขายตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง
ๆ ร่วม 200 %
ประกอบกับยุคนั้นสินค้าญี่ปุ่นกำลังโด่งดังคังตลาดหันไปทางไหนก็เห็นแต่
เมดอิน เจแปน ดังนั้นถึงแม้ว่าระบบขายตรง ณ ที่ขายจะไร้คู้แข่งก็ตามที ทว่าโอกาสจะเบียดแทรกแย่งยื้อความนิยมจากผู้ใช้ก็ยากเย็นเต็มกลืนไม่น้อย
กว่าจะขายได้ใน 30 เครื่องต่อเดือน
ทีมงานขายยุคนั้นก็ต้องสรุปและแก้ไขข้อผิดพลาดจนดึกจนดื่นเกือบทุกวัน!!
มิหนำซ้ำปัญหาซับซ้อนที่เกินขึ้นในเวลาเดียวกันก็คือ ไม่สามารถขยายทีมงานขายให้ฟู่ฟ่าอย่างที่หวังเอาไว้นัก
เนื่องจากอาชีพขายตรงถูกมองว่าเป็นเกรดต่ำ ไม่มาระดับชั้นในสังคม และยังมีความสับสนในเรื่องรายได้กับการงานที่ไม่แน่นนอน
ทำให้คนหนุ่มสาวละความสนใจไปเสียหมด
ถึงกระนั้นเมื่อครบปีในเดือน ตุลาคม 2521ยอดขายเครื่องดูดฝุ่นที่ออกมาก็ไม่เลวนัก
สามารถขายได้ถึง 5,000 เครื่อง มันเป็นเลขที่ทีมขายยุคนั้นบันทึกไว้ในความทรงจำไม่เชี่ยมคลาย
เพราะกว่าจะได้มาเท่านี้เลือดตาของแต่ละคนแทบกระเด็น!!
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอีเลคโทรลักซ์ กับงานสร้างภาพพจน์การขายตรงให้คนสนใจมากขึ้น
ทั้งเพื่อมุ่งขยายฐานสิ้นค้าให้กระจายตัวกว้างขวาง ได้แก่การนำเอาระบบประกันรายได้มาใช้กับพนักงานขายในปี
2522 นับเป็นยบริษัทแรกที่ปฏิบัติเช่นนี้
การประกันรายได้ให้กับพนักงานอยู่ภายใต้เงือนไขที่ว่า ไม่ว่าพนักงานเก่าหรือใหม่จะขายสินค้าได้หรือไม่ได้อย่างไรนั้นบริษัทต้องรับวาระจ่ายตอบแทนการทำงานประจำเดือนคนละ
2,000 บาท เป็นอย่างต่ำ ส่วนจะมากำหนดระยะเวลาเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา
ระบบประกันรายได้ดังกล่าวยื้อยุดความสนใจให้กับหนุ่มสสาวที่เพิ่งก้าวพ้นประตูวิทยาลัย-
มหาวิทยาลัยหลั่งไหลสนใจกันมากขึ้น ทำให้บริษัทเริ่มสร้างทีมขายกว้างดุจใยแมงมุมได้ง่ายขึ้น
และก็เริ่มต้นจากปริมาณไปสู่หลักคุณภาพในที่สุด ปัจจุบันระบบประกันรายได้เปลี่ยนมาเป็นเงินเดือนประจำ
2,000 บาท สำหรับคนเข้าใหม่
ปี 2522 ยังเป็นปีแห่งหารเปลี่ยนแปลงอีกหลายเรื่องเช่น การขยายสาขาไปต่างจังหวัดซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยงเอาการอยู่
เพราะแม้แต่ในกรุงเทพ ฯ เองคนไทยก็ยังไม่ชินกับกระบวนการขายตรงมากนัก นอกจากนี้การเปิดสาขาต่างจังหวัดอาจมีปัญหาเรื่องการสาธิตที่ยุ้งยากอีกด้วย
แต่ผู้บริหารทุกคนก็ลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยากง่ายแก้ไขกันไป ตอนนี้เหล็กกำลังเริ่มร้อนต้องรีบตีให้เร็วที่สุด
"
ดังนั้นสาขาแรกที่จังหวัดชลบุรีจึงกำเนินขึ้นมาเหตุที่เลือกชลบุรีเป็นเพราะต้องการดึงพื้นที่ให้อยู่ใกล้สำนักงานใหญ่มากที่สุด
เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที กับสาขาชลบุรีผลงานที่ออกมาก็ไปได้ดีพอสมควรจนทำให้บริษัทตันสินใจขยายสาขาออกไปต่างจังหวัดครั้งใหญ่ในปีถัดมาที่
นครปฐมสระบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี และหาดใหญ่
นอกจากนี้ปีเดียวกันยังก้าวไปสู่มิติใหม่ด้วยการเปิดแผนกเครื่องซักผ้า
K LINE เพิ่มขึ้น และแผนกนี้ก็ทำให้อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) ได้ชื่อว่าเป็นสาขาแรกของโลกที่กล้านำเอาระบบขายตรงมาใช้เพราะการที่นำเครื่องที่มีน้ำหนักถึง
90 ก.ก ไปสาธิตให้ลูกค้ารู้จักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย !?
แต่อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) ก็ทำและทำได้ดีเสียด้วยกับการข่นเครื่องใสรถบรรทุกไปสาธิตถึงหัวกระไดบ้านเลยทีเดียว
และด้วยเหตุนี้บวกกับการบริการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดทำให้เดือนแรกของการขายสามารถขายเครื่องได้ถึง
20 เครื่อง
"เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้รับการตอบรับมากมายเช่นนี้
เพราะราคาของเราค่อนข้างที่จะแพงกว่าคู่แข่งอยู่ไม่น้อย ต่อมาแผนกเครื่องซักผ้าก็ขยายตัวขึ้นมาเป็นคู้แข่งเครื่องดูดฝุ่นเสียเอง
จนบริษัทแม่ชมเชยผลงานอยู่เป็นนิตย์ " ผู้บริหารท่านหนึ่งในยุคนั้นกล่าวกับ
"ผู้จัดการ"
เพียงสามปีผ่านไปออฟฟิศซอยเจริญมิตร เอกมัย ชักคับแคบเกินไปเสียแล้ว เพราะพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อย
ๆ คน และในปี 2523 ก็เปิดแผนกจักเย็บผ้าอีกแผนก โดยมีนเรน เตชะวรวงศา คนหนุ่มฝีมือดีอีกคนหนึ่งในวงการตลาดเข้ามาเป็นผู้จัดการ
จักรเย็บผ้าถือเป็นปฏิมากรรมชิ้นเอกที่เอบี ลีเลคโทรลักซ์ชื่อชมเอามาก ๆ
แต่นั้นแหละไม่มีบทเรียยนความล้มเหลวไหนเลยจะเป็นผู้ชนะที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไม่มีที่ติ
กับจักรเย็บผ้าที่นำมาขายตรงทำให้อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) ได้รู้ถึงความเจ็บปวดและการพ่ายแพ้บ้างว่าความเหมาะสมในเรื่องหนึ่งนั้นไม่อาจนำมาใช้กับอีกเรื่องหนึ่งเสมอไป!!!!
จักรเย็บผ้าจึงเป็นบาดแผลแรกที่เป็นอุธาหรณ์ที่ดีที่สุด และแผนกนี้ก็ต้องยุบตัวเองในเวลาถัดมา
ส่วนตัว นเรน ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากตัวเขาเป็นต้นเหตุ ดังนั้นจึงยังได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญในแผนกอื่นที่เปิดตามมาในปีถัดมา
เช่น เครื่องตัดหญ้า เครื่องกรองน้ำ และอุตสาหกรรม ซึ่งนเรนก็ผลักดันนความสำเร็จมาสู่อีเลคโทรลักซ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้บริหารคนอื่น
ๆ
นเรน เตชะวรวงศา วันนี้เขาถอนตัวเองออกไปจากวงการขายตรงเสียแล้ว โดยไปรับตำแหน่งใหญ่ให้กับกลุ่มป่าไม้สันติที่มีลูกชายของ
ณรงค์ ศรีสะอ้าน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เป็นหัวเรือใหญ่และนั้นประสบการณ์ที่ณเรนได้รับมาจากอีเลคโทรลักซ์
เขากำลังทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกของกลุ่มก้าวไปสู่ความรุ่งเรืองคนในวงการหลายท่านยอมรับว่า
อีเลคโทรลักซ์เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ก็เพราะนเรนที่เก่งในเรื่องประชาสัมพันธ์
กระทั่งถึงปี 2524 การขยายตัวที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับทำให้ต้องย้ายสำนักงานจากซอยเจริญมิตรมาอยู่ยังอาคารใหม่
8 คูหา ริมถนนสุขุมวิท 71 ตรงข้าม รพ. พัฒนเวชพร้อมกับทีมงานขายเฉพาะในกรุงเทพ
ฯ ที่มีมากขึ้นถึง 500 - 600 คน
"เมื่อเทียบยอดขายกับสาขาอื่นทั่วโลก อีเลคโทรลักซ์ซึ่งเพิงอายุไม่กี่ขวบปีผลักดันตัว้องให้อยู่ในระดับต้น
ๆ ได้เกือบทุกปี จนได้รรับคำชมจากบริษัทแม่ว่าเป็นสาขาที่ขยายงานได้อย่างรวดเร็วและน่าทึ่งมากในประวัติศษสตร์ของอีเลคโทรลักซ์ที่เคยมีมา
" พุฒ เบญจมงคลวารี สำทับถึงความสำเร็จของวันวาน ด้วยความปิติที่ซ่อนเรนอยู่ในตาจนเห็นได้ชัด
สุดเด่นที่นำชัยชนะมาสู่อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) อีกประการหนึ่งเห็นจะเป็น
การอลุ้มอล่วยผ่อนสั้นผ่อนยาวนานถึง 1 ปี ซึ่งข้อดีนี้ ทำให้ไปหักล้างกับราคาสินค้าที่แพงกว่าคูแข่งลงไปได้ไม่น้อย
พุฒกล่าวว่า ช่วงที่เขายังอยู่นั้นไม่เคยเกิดกรณีฟ้องร้องบังคับหนี้สินแต่อย่างใด
"เราพยายามยืดหลักการทำงานของคนสวีเดนที่ไม่ขี้โอ่ และไม่ขู่แขนบังคับลูกค้าจนเกินไปมาใช้มากที่สุด
ทั้งเรื่องแผนงานและหนี้สินจะมีการทำแพลนนิ่งกันเป็นปี ๆ นั้น ช่วงนี้ต้องทำอะไรบ้าง
ซึ่งทำให้ลูกค้าเข้าใจและพะยายามทำเรื่องต่าง ๆ ให้สอดคล้องบริษัทจนไม่ให้มีปัญหาใด
ๆ
ปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จที่พอกพูนและเห็นเป็นรูปธรรมเด่นชัดในแต่ละปีสร้างความพึงพอใจให้กับให้กับเอบี
ฯ เป็นอย่างสูง จนเดี่ยวนี้พยายามรับความมีประสิทธภาพของคนไทยอย่างเต็มเปี่ยม
ด้วยการไม่เข้ามาก้าวก่ายงานแบบ DAY - TO - DAY อีกต่อไป ทุกแผนกตั้งคนไทยขึ้นมารับผิดชอบ
หมดเหลือไว้เพียงแต่ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปเท่านั้นที่เอบี ฯ ขอสงวนลิขสิทธิ์ให้กับเจ้าหน้าที่จากบริษัทแม่ส่งมาดูแล
ภายหลังจากที่ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่สุขุมวิท 71 ไม่กี่ปีก็ไม่มาใครหยึดยั่งความสำเร็จของอีเลคโทรลักซ์ประเทศไทย
ได้อีกต่อไปเมื่อบริษัมตัดสินใจเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการรับจ้างทำความสะอาดอาคารสถานที่
กำจัดแมลง และสัตว์รบกวน ปรระกอบจนรับจัดไม้ประดับในอาคารจากบริษัท ฯ หนึ่ง
ที่บริหารงานล้มเหลวมาตั้งใหม่เป็น อีเลคโทรลักซ์ แอมแพค" ถ้านับรวมพนักงานในส่วนนี้ด้วยวันนี้ก็มากถึง
2,000 คน
การเข้าไปซื้อกิจการรับจ้างทำความสะอาดก็เป็นไปตามหลักการของเอบี อีเลคโทรลักซ์
ที่ถูกขานนามว่า "เป็นลูกอีช่างซื้อ" เพราะตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมาเอบี
ฯ ได้กว้านกิจการของคนอื่นมาครอบครอง แล้วมากกว่า 300 บริษัทใน 40 ประเทศ
เรียกว่ากิจการใครต้องส่อเค้าผ่าตัดใหญ่เป็นต้องกระโจนเข้าไปตะครุบไว้ก่อน
ทั้งนี้เพราะเอบี ฯ มีหลักการบริหารอยู่ในประโยคหนึ่งว่า IT IS FASTER TO
PUT AN AILING TREE TO GROW THAN TO PLANT A NEW ONE แปลเข้าใจง่าย ๆ ว่า
"ต้นไม้ที่โตแล้วแม้จะเหี่ยวเฉาโรยราไปบ้าง แต่ถ้าเอาใจใส่รดน้ำพรวนดินให้ดี
ก็น่าจะให้ดอกผลเร็วกว่า แน่นอนกว่าการไปปลูกต้นไม้ใหม่"
จากสถิติข้างต้นหากมองย้อนไปยังนโยบายประการหนึ่งของอีเลคโทรลักซ์ (ประเทศ)
ที่เคยบอกว่า บบริษัทเตรียมตัวเสมอที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการผลิตสินค้าบางชนิดขึ้นภายในประเทศ
" ก็น่าจะเป็นประเด็นบอกให้รู้ว่า…….
ไม่วันใดก็หนึ่งอีเลคโทรลักซ์อาจเขมือบหรือแผ่รัศมีมีการลงทุนธุรกิจเกี่ยวพันกับวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เป็นได้
เพราะปัจจัยสนับสนุนความเป็นไปได้ในเวลานี้ก็มีอย่าด้วยกันหลายทาง ซึ่งแหล่งข่าวในวงการ
ฯ ที่สัมผัสติดตามอีเลคโทรลักซ์มาตลอดวิเคาระห์ความเป็นไปได้ดังกล่าวนั้นว่า
หนึ่ง - สถานการณ์การลงทุนในประเทศไทยเวลานี้มาความเหมาะสมที่สุดกว่าทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องอีเล็กทรอนิคส์
เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยการให้ บีโอไอ. ส่งเสริมบริษัท ฯ ที่จะมาลงทุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่
สอง - การที่เอบี ฯ ทุ่มซื้อกิจการของซานูทซีในอิตาลีกับไวท์เวสติ้ง ในอเมริกา
จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ไปโดยปริยายทำให้ฐานตลาดกระจ่ายมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะนี้
มีความเป็นไปได้มากกว่าเอบี ฯ อาจจะต้องแสวงหาแหล่งผลิตสินค้าแห่งใหม่ แทนที่โรงงานใหญ่ในสวิเดนที่กำลังพบกับความตีบตันในการขยายตัว
"ท่านประธานบริษัท ฯ เคยเข้ามาดูลู่ทางในเมืองไทยบ่อย ๆ บางทีท่านก็บินมาเงียบ
ๆ แบบไม่ให้รู้ตัวก็รู้สึกว่าประทับใจสภาพแวดล้อมของบ้านเราไม่น้อย"
แหล่งข่าวแย้มนัยอยู่ในทีให้ "ผู้จัดการ" รับฟัง
สาม - เท่าที่ผ่านมายอดขายสินค้าในเอเชียขยายตัวอยู่ในปริมาณที่น่าพอใจมาก
โดยเฉพาะไทยกับไต้หวัน ซึ่งปริมาณขาย 13,000 เครื่องเฉพาะเมืองไทยกับเครื่องดูดฝุ่นในปีที่ผ่านมาก็เกินเป้าหมาย20%
ที่เอบี ฯ พร้อมจะตั้งโรงงานผลิตภายในแล้ว ยิ่งเมืองไทยอยู่ในศูนย์กลางของทวีป
จึงมีความเหมาะสมต่อการลงทุนไม่น้อย
"อาจชี้ชัดลงไปไม่ได้ว่าเขาจะยาตราทัพมาเต็มกำลังศึกหรือเปล่า เพียงแต่มองดูว่าเอบี
ฯ นั้นค่อนข้างงให้ความสนใจตลาดเอเชียสูง และพูดถึงความเหมาะต่อการลงทุนทุนก็ไม่ใช่เรื่องเพ้นฝัน
เอบี ฯ เองก็ต้องการที่จะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านนี้เทียมรัศมีบริษัทญี่ปุ่นอยู่แล้ว
" แหล่งข่าวกล่าวสรุป
วันนี้ใน 2530 งานขายตรงไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับอีเลคโทรลักซ์ในเมืองไทยอีกต่อไปแล้ว
จะมีก็เพียงการขยายสาขาให้มากขึ้นกว่า 19 แห่งที่มีอยู่แล้วทำอย่างงัยจึงจะสามารถให้การบริการที่เป็นเลิศโดยไม่ติดขัดกับปริมาณลูกค้าที่วิ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน!!!
อีก 2 ปี ข้างหน้างานประกวด แชมป์โลกขายตรงของอิเลคโทรลักซ์ทั่วโลกจะเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง
เชื่อเหลือเกินว่า พลังใจเร้าร้อน ความมุ่หวังที่คุโชนในอนูความคิดและความรู้สึกของพนักงานทุก
ๆ คน คงเป็นแรงขับเคลื่อนให้อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายแห่งชัยชนะได้อย่างแน่นอน
!!!
เมื่อถึงวันนั้น …นอกจากจะได้เห็นทีมงานขายกระจายตัวกันออกเสนอสินค้าแก้ลูกค้าด้วยความเร้าร้อนและกระตือรือร้นมากขึ้นแล้ว
อาจจะได้เห็นอาคารสำนักงานที่ใหญ่โตหรูหรากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และอาจได้เห็นโรงงานผลิตสินค้าที่เกิดขึ้นในเมืองไทยอีกด้วย!!!!!??