ระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2529 ที่ผ่านมา วีซ่าอินเตอร์เนชั่นเนล ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค
โดยนายธนาคาร 15 คน จากสถาบันการเงินชื่อดังในออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ มาเลย์เชีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย ได้ร่วมประชุมครั้งแรกที่ประเทศไทย
นอกเหนือจากสารสำคัญ เกี่ยวกับการพัฒนาบัตรเครดิตวีซ่าและระบบชำระเงินที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางแล้ว
ได้มีการตอกย้ำอย่างหนักแน่นอีกว่าวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล ต้องการที่จะให้ประเทศไทยเป็นตลาดหลักในการพัฒนาบัตรเครดิตวีซ่าภาคพื้นเอเชีย
เพราะเห็นการเติบโตด้านอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ่งที่น่าไว้ใจมากที่สุด
ตัวแทนวีซ่าจากประเทศไทย ที่มีแบงก์กสิกรไทย โดยบัญชา ล่ำซำ ประธานกรรมการแบงก์กสิกรไทย
ตกปากรับคำมั่นเหมาะที่จะ "ลุย" วีซ่าการ์ดให้เป็นหนึ่งในประเทศไทย
และในเอเชียภายใน 5 ปี เพื่อขยายศักยภาพความยิ่งใหญ่ของวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนลที่ได้ชื่อว่ามีเครือข่าย
เอทีเอ็ม. ในการให้บริการมากที่สุด ของโลกถึง 6,500 เครื่อง
"วีซ่าอินเตอร์ฯ ภาคภูมิมากกับการบริการวีซ่าวินิจของแบงก์ที่สามารถบริการลูกค้าได้ตลอด
24 ชั่วโมง โดยร้านค้าเพียงรับบัตร รูด ผ่านเครื่องเวอริโฟนที่ต่อพ่วงกับโทรศัพท์
และกดจำนวนเงินที่จะอนุมัติเครื่อง ก็จะทำการติดต่อกับศูนย์คอมพิวเตอร์ของแบงก์และติดต่อไปยังสาขาวีซ่าทั่วโลก
อันนี้ทำให้เขามั่นใจได้ว่าแบงก์จะทำหน้าที่ขยายตลาดได้แน่นนอน " แหล่งข่าวในแบงก์กสิกรกล่าวกับ
"ผู้จัดการ"
วสีซ่าการ์ดวางผแนที่จะบุกตลาดโดยลงค่าธรรมเนียมที่เก็บจากธนาคารตัวแทนที่ออกบัตร
และอาจไม่เก็บเลยในอีก 3 ปีข้างหน้า หารธนาคารสามารถขยายฐานสมาชิกบัตรให้เป็นไปตามเป้าที่วีซ่าอินเตอร์
ฯ กำหนดไว้
สัญญาณเมื่อต้นปี 2529 ทำให้ค่ายอื่น ๆ สะบันร้อนสะบันหนาวไปตาม ๆ กัน
เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหมายเอาไว้ วีซ่าการ์ดจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งอย่างมิต้องสงสัย
และเมื่อได้แรงหนุนเนื่องอย่างจริงจังจาก 3 แบงก์ใหญ่ในเมืองไทย ไหนเลยที่ความฝันนี้จะเป็นจริงไปมิได้
!
วีซ่าการ์ดเป็นบัตรเครดิตในเตรือข่ายอินเตอร์เนชั่นแนลเป็นบัตรที่ได้รับความนิยมกว้างขวางมากที่สุดในในโลก
มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 133 ล้านรายหรือคิดเป็นร้อยละ 42 ของผู้มีบัตรเครดิต
ทั่วโลก มีร้านจุดรับบัตร 4.7 ล้านแห่ง
สำหรับเมืองไทยจำนวนสมาชิกบัตรวีซ่าการ์ดมี 15,000 ราย ปริมาณการใช้เงินผ่านบัตรวีซ่าตกประมาณ
300 ล้านบาท และมีร้านค้าสมาชิก 6,000 แห่ง จึงเป็นจำนวนที่วีซ่าอินเตอร์
ฯ บอกว่า "จะต้องมาขึ้นกว่านี้และมากเป็นที่หนึ่งใน 5 ปี ข้างหน้า
แต่ถึงจะมีจำนวนน้อยเท่านี้ทว่าปัญหาการถูกโจรกรรมบัตรเครติดยังปรากฏว่า
วีซ่าการ์ดอยู่ในข่ายที่มีปริมาณการสูญเสียสูงไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะที่หาดใหญ่กับเชียใหม่
แหล่งข่าวจากกรมตำรวจบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า ส่วนมากเรื่องที่ร้องเรียนเข้ามาจะเป็นสมาชิกบัตรวีซ่ามาก
ทุก ๆ แห่ง
"ก็เป็นเรื่องจริงแต่จะโทษเราไม่ได้ อย่างหาดใหญ่เป็นความหละหลวมในการออกบัตรของธนาคารในมาเลย์เชีย
ที่ปล่อยให้ลูกค้าของยำเลิกโดยไม่กวดขันอย่างละเอียดทำให้ลูกค้านำบัตรมาใช้จนฉาวโฉ่
มีอย่างที่ไหนเราต้องบอกเลิกศาลาไม่น้อยกว่า 30-40 ราย" แหล่งข่าวในแบงก์กสิกรไทยกล่าวอย่างระอาใจ
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ต้องเพิ่มมาตราการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยที่การออกบัตรให้สมาชิกซึ่งเดิมทีสาขา
ได้รับอำนาจให้จัดการได้นั้น ได้โอนความรับผิดชอบมาสำนักงานใหญ่เป็นผู้จัดการเพียงผู้เดียว
ซึ่งมาตราการนี้รวมไปถึงบัตรเครดิตของแบงก์เองด้วย
เพราะเล่นกันขนาดนี้แล้วยังแก้ปัญหาไม่ตก หนทางที่จะเป็นหนึ่งในวีซ่าการ์ดในเมืองไทยก็คงจะริบหรี่ตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทว่าเรื่องพรรค์อย่างนี้ถ้ายังปล่อยให้ปรากฏอยู่ก็เสียชื่อเสียงของเจ้าสัวบัญชาที่ให้คำมั่นสัญญาไว้แล้วว่าจะเข็นวีซ่าการ์ดให้รุ้งโรจน์ที่สุดกันหมดละซี
แบงก์กสิกรไทยเป็นแบงก์แรกที่นำบัตรวีซ่าการ์ดเข้ามาบริการและได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของบัตร
โดยมีวีซ่าการ์ด 2 ระดับคือ ระดับธรรมดา (VISA CLASSIC ) เป็นบัตรสีเงิน
กับระดับสูง (VISA PRIMIER ) เป็นบัตรสีทอง ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี
2522 หลังบัตรเครดิตของแบงก์ที่ออกมาในปี 2521
ปัจจุบันแบงก์กสิกรไทยได้ดึงเอาแบงก์ไทยพาณิชย์ แบงก์ทหารไทย และแบงก์อเมริกันสาขาประเทศไทย
มาร่วมกันให้บริการออกบัตรเพิ่มขึ้น นับเป็นการบุกเบิกครั้งยิ่งใหญ่วีซ่าการ์ดที่น่าจับตามองไม่น้อย
ซึ่งผลที่ผ่านมาจากการร่วมมือกันของ 4 แบงก์ในรอบปีที่ผ่านมาปรากฏว่า
สอยเอาคนมาเป็นสมาชิกวีซ่าการ์ดได้มากมาย!!!!
ความไดเปรียบของวีซ่าการ์ดที่มีเหนือบัตรยี่ห้ออื่นอยู่ตรงที่ มีเครือข่ายการบริการที่มากกว่าเนื่องจากสามารถใช้ร่วมอิเล็กทรอนิคส์
กิ้งของ 3 แบงก์ ได้และยังมีเครื่องตรวจสอบริการ ณ จุดขาย (พีโอเอส) ที่เพิ่มความมั่นใจว่าบัตรจะไม่ถูกโกงถูกปลอมอยู่เกือบทุกจุด
วันนี้วีซ่าการ์ดอาจจะยังไม่โหมโฆษณาเหมือนกับคู่แข่งแต่การเจาะเข้าหาลูกค้าที่เป็นลูกค้าของแบงก์ทั้ง
4 แห่งทั่วประเทศ อันเป็นการยิงอย่างตรงเป้าเลยนั้น ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือที่จะบอกว่า
ในสนามสงครามแห่งนี้วีซ่าการ์ดไม่ยอมถูกเถืออย่างง่าย ๆ !