Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์16 สิงหาคม 2553
SCBลั่นขอผงาดผู้นำเอสเอ็มอี KBANK สวนกลับเร่งแซงบัตรเครดิต             
 


   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
Banking and Finance
Credit Card




ความเคลื่อนไหวของไทยพาณิชย์และเคแบงก์ในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ แม้จะเดินไปด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง แต่ในท้ายที่สุดเป้าหมายปลายทางของทั้งคู่ก็มุ่งไปสู่จุดเดียวกัน นั่นคือ การเร่งสปีดในธุรกิจที่ตัวเองเคยเป็นเบอร์รองในตลาดให้ขยับขึ้นไปสู่การเป็นผู้นำตลาดให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกเหนือไปจากการเติบโตในธุรกิจที่ตัวเองเป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว

จุดแข็งของไทยพาณิชย์ คือ สินเชื่อรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และบัตรเครดิต ส่วนเคแบงก์ในระยะหลังมีจุดแข็งในด้านสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 27% ซึ่งมาจากการโหมทำตลาดในเชิงรุกอย่างหนักในช่วง 2-3 ปีหลัง สามารถสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ จนทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีได้ และเมื่อตัวเลขดัชนีต่างๆ ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว ธุรกิจมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น กำลังซื้อกลับมาฟื้นตัว ทำให้ทั้งสองแบงก์มั่นใจในเป้าหมายที่จะขยับขึ้นเป็นผู้นำตลาดว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้

SCB ปรับโครงสร้างลุยเอสเอ็มอี

ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ไทยพาณิชย์ใช้เวลาไปกับการปรับโครงสร้างองค์กรในส่วนที่ดูแลสินเชื่อเอสเอ็มอี จึงไม่ค่อยเน้นปล่อยสินเชื่อมากนัก ทำให้ต่อจากนี้เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปีเท่านั้นในการเร่งขยายสินเชื่อ ในครั้งนี้ไทยพาณิชย์ได้ประกาศบุกตลาดด้วย “มหัศจรรย์เลข 3” ทั้งการตั้งเป้าหมายขอผงาดขึ้นเป็น Top 3 หรือติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้นำตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอี ภายใน 3 ปี ภายใต้เป้าสินเชื่อรวม 300,000 ล้านบาท ประเดิมด้วยการเปิดตัวสินเชื่อวงเงิน 3 เท่า ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี (SCB SME 300% LTAV Fixed Rate)

ก่อนหน้านี้ลูกค้าของไทยพาณิชย์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ยอดขายเกิน 500 ล้านบาทต่อปีขึ้นไปเป็นหลัก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าไม่ใช่ส่วนที่สร้างกำไรได้ดีนัก ในขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีซึ่งสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้สูงกว่ากลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และเป็นกลุ่มที่สร้างกำไรได้ดีกว่า ยังเป็นตลาดที่ไทยพาณิชย์ยังไม่ได้ลงมาเล่นอย่างเต็มตัว แต่ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งระบบมีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท

สำหรับการปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อรองรับการรุกตลาด จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ 3 คน ได้แก่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม การวางแผนกลยุทธ์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่แต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ได้จัดพอร์ตลูกค้าเอสเอ็มอีใหม่ โดยแบ่งตามขนาดธุรกิจ จากเดิมที่แบ่งตามพื้นที่ เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดย่อม (มียอดขาย 10-75ล้านบาทต่อปี) และกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลาง (มียอดขาย 75-100 ล้านบาทต่อปี) อาศัยการเข้าถึงลูกค้าผ่านสำนักงานธุรกิจกว่า 70 แห่งและเครือข่ายสาขากว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

ด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ในตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมามีการแข่งขันระหว่างแบงก์หลายค่าย ทั้งการลงมาเล่นเรื่องราคาผ่านอัตราดอกเบี้ย หรือรูปแบบที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น การให้กู้ 3 เท่าโดยไม่มีหลักประกัน ซึ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความกังวลด้านต้นทุนในอนาคต ไทยพาณิชย์จึงได้ใช้กลยุทธ์สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ด้วยการออกสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ 1.ปีแรก อัตราดอกเบี้ย5% ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 6% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 7% 2.อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6% นาน 3ปี หลังจากนั้นทั้งสองแบบจะคิดดอกเบี้ยลอยตัว ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้า ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าท้องตลาดซึ่งคิดในอัตรา MLR+1% ถึง 2% หรือเท่ากับ 7-8% หรือถ้าเสี่ยงมากดอกเบี้ยอาจอยู่ระดับ 8-10% ดังนั้นจึงทำให้ไทยพาณิชย์กลายเป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่โดดลงมาสู่สมรภูมิราคาในตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอี

“ในตลาดตอนนี้ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7-8% คงที่นานสุดก็ไม่เกิน 1.5 ปี สำหรับแคมเปญนี้เราเตรียมวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะปล่อยกู้หมดภายใน 4 เดือน เน้นเจาะลูกค้ารายเล็ก ซึ่งมีอยู่ 10% ของพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีรวม 1.7 แสนล้านบาท โดย 1เดือนที่ผ่านมามีลูกค้ายื่นสินเชื่อแล้ว 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าสัดส่วนเอสเอ็มอีรายเล็กจะขยับเป็น 1 ใน 3 ของพอร์ต เนื่องจากกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็กถือเป็นกระดูกสันหลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นช่องว่างตลาดที่ยังถูกมองข้าม” ศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าว

แม้จะมองดูเหมือนการโดดลงไปเล่นในสงครามราคา แต่ศิริชัยเน้นว่า อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้กับกำไรที่ได้ถือว่าคุ้มค่ากับความเสี่ยงของธนาคาร โดยในปีนี้ตั้งเป้าว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจะสร้างกำไรประมาณ 5,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมธนาคาร ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ จึงมีโอกาสเติบโตอีกมา ทั้งนี้ในระยะยาวตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ของรายได้รวม

KBANK ขอเบอร์ 1 บัตรเครดิต

ด้านความเคลื่อนไหวของเคแบงก์ ในกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต ก็ลุกขึ้นมาประกาศขอท้าชิงไทยพาณิชย์ ผู้นำตลาดบัตรเครดิตที่มีจำนวนบัตรมากที่สุดถึง 1.8 ล้านบัตร คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดกว่า 18% ด้วยการขอขึ้นเป็นเบอร์ 1 แทนในปี 2554 ทั้งในแง่จำนวนบัตรและยอดการใช้จ่าย จากปัจจุบันที่มีฐานผู้ถือบัตรรวม 1.4 ล้านบาท มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ย 9,000 ล้านบาทต่อเดือน อยู่ในอันดับ 2 ของตลาด

อำพล โพธิ์โลหะกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เริ่มเห็นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้น 15% ในขณะที่เคแบงก์สามารถเติบโตได้ถึง 40% ซึ่งสูงกว่าตลาด สะท้อนว่ากำลังซื้อยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ครั้งนี้เคแบงก์ได้รีแบรนด์บัตรเครดิตกสิกรไทยอีกครั้ง ภายใต้แนวคิด “บัตรเครดิตที่ทำให้หัวใจเต้นแรง” เน้นการจัดโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง เน้น 4 หมวดหลัก คือ เที่ยว-บิน-กิน-ช้อป คือ เที่ยว 1 ฟรี 1, บิน 1 ฟรี 1, กิน 1 ฟรี 1 และช้อป 1 ฟรี 1 ตลอดทั้งปี ส่วนลูกค้าที่สมัครบัตรใหม่และมียอดใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้จะได้รับตั๋วเครื่องบินในหรือต่างประเทศ1 ที่นั่ง ฟรี 1 ที่นั่ง นอกจากนี้จะมีการนำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรทุก 3 เดือน สำหรับการขยายฐานลูกค้าใหม่จะเน้นการเจาะกลุ่มแพลตินัมที่มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพ และมีกำลังซื้อสูง จากเดิมที่มีอยู่ 35% ของพอร์ต โดยจะทุ่มงบการตลาดในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้กว่า 250 ล้านบาท

การประกาศลุกขึ้นมาขอชิงตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดบัตรเครดิต โดยอาศัยจังหวะในช่วงที่เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นฟื้นตัว ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของเคแบงก์ในการรุกตลาดรายย่อย เพื่อเพิ่มกำไรที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อบุคคลแบบไม่มีหลักประกันที่คิดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีกว่าการปล่อยสินเชื่อแบบอื่น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us