ตลาดรถเก๋งครึ่งปีหลังครื้นเครง ค่ายใหญ่เล็กปรับโฉมรุ่นใหม่ กระตุ้นยอด พร้อมรักษาส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง เป้าหมายคือต้องโตในสัดส่วนใกล้เคียงกับตลาดรวมรถยนต์ทั้งปี โตโยต้ามือหนักปรับโฉมอัลติสทุกรุ่นขึ้นแท่นผู้นำเซกเมนต์รถยนต์นั่งคอมแพกต์ต่ออีกปี ส่วนมาสด้าปรับโฉมมาสด้า 3 ป้องตลาดของตัวเอง และขัดตาทัพก่อนปรับโฉมใหญ่กลางปีหน้า
ตลาดรถยนต์นั่งเซกเมนต์คอมแพกต์คาร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 ที่ผ่านมา โตโยต้ายังครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยยอดขายโตโยต้า อัลติส 17,089 คัน จากตลาดรวมในเซกเมนต์ทั้งหมด 44,039 คัน มี ฮอนด้า ซีวิค อยู่ในลำดับ 2 ยอดขายที่ 14,352 คัน ตามมาด้วยนิสสัน ทีด้า 3,332 คัน มิตซูบิชิ แลนเซอร์ 3,044 คัน และมาสด้า 3 มียอดขายอยู่ที่ 2,864 คัน
แม้ไม่มีการปรับโฉมโตโยต้า อัลติส ในช่วงนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็น่าจะสามารถครองตลาดส่วนใหญ่ของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ไว้ได้ แต่การปรับโฉมในแบบไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อปีเศษๆ ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตั้งแต่การเปิดตัวโตโยต้าอัลติสครั้งแรก โตโยต้ามีจังหวะสร้างกระแสให้กับรถยนต์รุ่นนี้เป็นระยะๆ ตั้งแต่การเพิ่มรุ่น 2.0 ลิตร การเพิ่มรุ่นติดก๊าซซีเอ็นจี จนถึงการมีรุ่นตกแต่งพิเศษในแบบสปอร์ตเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
อัลติสใหม่ ในแบบปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งของการชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากขึ้นจากที่ผ่านมา อัลติสใหม่มีการพัฒนาในเรื่องเครื่องยนต์และระบบเกียร์เป็นหลัก แทนที่จะเปลี่ยนกระจังหน้าหรือไฟท้าย มีการนำเครื่องยนต์ระบบดูอัล-วีวีทีไอ มาใช้กับอัลติสเกือบทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นติดตั้งก๊าซซีเอ็นจี แต่ขยับราคาขายขึ้นไม่มากนัก คือราวๆ 5,000-20,000 บาทขึ้นอยู่กับรุ่น
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ของอัลติส ช่วยลดจุดอ่อนที่มีอยู่ในเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีตัวเลขต่ำกว่าคู่แข่งทุกยี่ห้ออยู่พอสมควร โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรนั้น กำลังม้าอยู่ที่ 109 แรงม้า เท่าๆ กับโตโยต้า วีออส ซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ต่ำกว่าคือซับคอมแพกต์ และเป็นประเด็นสำคัญพอสมควร เพราะผู้บริโภครถยนต์ในเมืองไทยมีค่านิยม และความนิยมเกี่ยวกับกำลังม้าที่สูงๆ ของเครื่องยนต์กันพอสมควร
ไม่เฉพาะแต่รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 เท่านั้น โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย อัปเกรดเครื่องยนต์ของอัลติสเกือบทุกรุ่นได้แก่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรจาก 109 แรงม้า เพิ่มเป็น 122 แรงม้า แรงบิดจาก 145 นิวตันเมตร ก็เพิ่มเป็น 154 นิวตันเมตร รุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร กำลังเพิ่มจาก 132 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 170 นิวตันเมตร เป็น 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร
รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เดิมเป็นดูอัล-วีวีทีไอ อยู่แล้ว แต่มีการปรับสมรรถนะด้วยเช่นกัน จากเดิมกำลังสูงสุดอยู่ที่ 141 แรงม้า เพิ่มเป็น 145 แรงม้า ขณะเดียวกันก็พัฒนาระบบเกียร์อัตโนมัติของรุ่นท็อป 2.0 ลิตรมาใช้แบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT 7 สปีด และรุ่นเกียร์ธรรมดาจากเดิม 5 สปีด เพิ่มเป็น 6 สปีด
เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นนี้ไว้ที่เดือนละ 3,200 คัน เพิ่มจากยอดขายช่วง 6 เดือนแรกซึ่งอยู่ที่ราวๆ 2,900 คันต่อเดือน พร้อมกับการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศอีกเดือนละ 1,500 คัน และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัลติสใหม่ ตลอดจนคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก จะทำให้อัลติสใหม่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย ดังเช่นที่ผ่านมา และจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้โตโยต้าครองความเป็นหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งของไทยในปีนี้
ทั้งนี้ คาดว่าการปรับโฉมอัลติส ด้วยการลดจุดอ่อนในเรื่องกำลังเครื่องยนต์ครั้งนี้ จะสร้างความลำบากใจให้กับคู่แข่งในตลาดอยู่พอสมควร เพราะโตโยต้า มีจุดแข็งเกือบทุกด้าน ทั้งแบรนด์ เครือข่ายโชว์รูม ศูนย์บริการ ที่มากถึงกว่า 330 แห่ง และบริการหลังการขายที่แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม สำหรับค่ายมาสด้า เซลส์ ประเทศไทยนั้น การปรับโฉมอัลติสใหม่อาจกระทบยอดขายมาสด้า 3 ไม่มากมายนัก เพราะคาแรกเตอร์ลูกค้ามาสด้า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ตและความแตกต่าง ซึ่งมาสด้า 3 สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในเซกเมนต์คอมแพกต์ส่วนหนึ่งได้เช่นกัน การปรับโฉมมาสด้า 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การตอบโต้ หรือสกัดคู่แข่งอย่างโตโยต้าเป็นหลัก
แต่เป็นการรักษาฐานลูกค้าของตัวเองไว้ เพราะมาสด้า 3 โฉมปัจจุบัน อยู่ในตลาดเมืองไทยมาระยะหนึ่งและใกล้จะต้องปรับโฉมในแบบไมเดลเชนจ์ในปี 2554 การเสริมแต่งให้ตัวผลิตภัณฑ์มีความใหม่ และสดใส เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในเวลานี้ เพื่อรักษายอดขายเดือนละ 450-500 คันให้ได้ โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าว่ายอดขายของมาสด้า 3 ทั้งปีก็ควรอยู่ที่ราวๆ 6,000 คัน เท่าๆ กับ 3-4 ปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า มาสด้า 3 ใหม่ เน้นการปรับโฉมรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะการตกแต่งด้วยชุดแต่ง ในรุ่นซีดาน 1.6 ลิตรนั้น มีการเปลี่ยนมาใช้กระจังหน้าแบบเดียวกันกับรุ่น 2.0 ลิตร พร้อมกันชนหน้าและหลังแบบสปอร์ตใหม่ มาสด้าระบุว่า เพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนรุ่น 5 ประตูติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตรอบคันดีไซน์ใหม่ สเกิร์ตหน้า ด้านข้างและหลังดีไซน์สปอร์ต ปลายท่อไอเสียสเตนเลสทรงสปอร์ต เซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด สีเดียวกับตัวรถ ด้านในด้วยปุ่มแอร์อัตโนมัติ แต่งด้วยโครเมียม พร้อมออปชั่น AUX เชื่อมต่อเครื่องเล่น iPod และเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาอื่นๆ ส่วนเครื่องยนต์ยังเป็นแบบเดิมทั้งหมด โดยมีการปรับราคาขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในเซกเมนต์คอมแพกต์คาร์ ย่อมมีผลต่อคู่แข่งในระดับเดียวกัน ช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ หรือแม้กระทั่งค่ายรถราคาประหยัดอย่างโปรตอน แม้คู่แข่งบางรุ่นบางยี่ห้อจะไม่มีการปรับโฉม แต่อย่างน้อยในช่วงหลังจากนี้จะต้องมีการออกแคมเปญส่งเสริมการขายขึ้นมาแข่งขัน เพราะทุกค่ายมีเป้าหมายเดียวกันคือ ชิงส่วนแบ่งตลาดมาครองให้ได้มากที่สุดในสภาวการณ์ของตลาดรถยนต์ไทยในปีนี้ ซึ่งคาดกันว่าจะปิดตัวเลขทั้งปีได้เกิน 700,000 คัน โดยเฉพาะโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มองไปไกลถึง 750,000 คัน จากปีที่ผ่านมามียอดขายราวๆ 620,000 คัน และโอกาสทองแบบนี้หาได้ไม่บ่อยนัก
|