Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์16 สิงหาคม 2553
ไขปริศนา “การ์นิเย่”เขย่าตลาดสกินแคร์             
 


   
search resources

Garnier
Cosmetics
ลอรีอัล (ประเทศไทย), บจก.




แม้ “การ์นิเย่” จะเข้าสู่ตลาดเมืองไทยมากว่า 10 ปี ทว่า เมื่อเทียบกับ 3 แบรนด์ยักษ์อย่าง “โอเลย์”, “พอนด์ส” และ “ลอรีอัล” ที่ปักธงบนสมรภูมิการช่วงชิงผิวหน้าสาวไทยแล้ว “การ์นิเย่” คือ ผู้เล่นที่มีชั่วโมงบินน้อยสุด ยิ่งไปกว่านั้น หากเริ่มนับกันจริงจัง “การ์นิเย่” ก้าวเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ดูแลผิวของผู้หญิงได้เพียง 8 ปีเท่านั้น เพราะสินค้าตัวแรกที่การ์นิเย่ใช้เปิดตัวในเมืองไทย คือ ครีมเปลี่ยนสีผม “นาเทีย” ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “นูทริส”

จนเมื่อปี 2545 จึงได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าของผู้หญิง “การ์นิเย่ สกิน แนทเชอรัลส์” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ การ์นิเย่ ไลท์ (สีเหลือง) เพื่อผิวขาว, การ์นิเย่ เอจ ลิฟท์ (สีแดง) เพื่อลดเลือนริ้วรอย และการ์นิเย่ เพียว (สีฟ้า) เพื่อผู้มีปัญหาผิวมัน ปัญหาสิว ซึ่งนั่นถือเป็นการเปิดศึกชิงผิวหน้าสาวไทยของการ์นิเย่อย่างเต็มตัว และแม้ว่าผู้เล่นรายนี้จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของยักษ์ความงามอย่างลอรีอัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะช่วยการันตีให้ “การ์นิเย่” แจ้งเกิดหรืออยู่บนเวทีได้ระยะยาว เพราะเป็นที่รู้กันว่าสินค้าดูแลผิวของผู้หญิงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง ที่สำคัญยังดุเดือดในทุกช่องทางด้วย

ทว่าด้วยเวลาไม่กี่ปี การ์นิเย่กลับสร้างความสั่นสะเทือนให้กับผู้เล่นรอบข้างได้ไม่น้อย ส่วนหนึ่งมาจากผลอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 โดยปีที่ผ่านมาขยายตัวสูงถึง 25% และแม้ว่างานนี้ทางผู้บริหารการ์นิเย่จะไม่สามารถแหกกฎเหล็กของบริษัท ในการเผยตัวเลขส่วนแบ่งที่การ์นิเย่ครองอยู่ตอนนี้ก็ตาม แต่ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์การ์นิเย่ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด แพรว จิตะพันธุ์กุล ก็สามารถแย้มข้อมูลให้รู้ว่า ปัจจุบัน “การ์นิเย่” คือผู้เล่นที่ติดTop 3 แบรนด์ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้หญิงมูลค่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งแว่วมาว่าตามหลัง “พอนด์ส” ที่มีแชร์อยู่ 18.1% ไม่ถึง 10% ขณะที่แชมป์ “โอเลย์” ครองอยู่ 27.3%

“การ์นิเย่เป็นผู้เล่นที่ติดท็อป 3 ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของผู้หญิงมาราว 2 ปีแล้ว จากเดิมที่อยู่ในอันดับ 4 หรือ 5 สลับกัน”

โดยปัจจัยที่เป็นส่วนผลักดันให้การ์นิเย่เติบโตได้อย่างรวดเร็วนั้น นอกจากการออกนวัตกรรมใหม่ การกำหนดราคาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย การกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทาง การโฆษณา ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแล้ว จะเห็นว่าเครื่องมือที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญช่วยจุดกระแสให้การ์นิเย่เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ต้องยกให้ “แถบวัดระดับสีผิว” เพราะไม่เพียงจะช่วยสร้างการจดจำแบรนด์เท่านั้น แต่เจ้าเครื่องมือดังกล่าวยังช่วยตอกย้ำจุดขายเรื่อง “ผลิตภัณฑ์ที่พิสูจน์ได้” โดยเป็น message ที่ผู้เล่นรายนี้ใช้สื่อสารกับผู้บริโภค ซึ่งตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการเห็นผลชัดเจนหลังใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย

“แถบวัดสีผิว”
หมัดเด็ด “การ์นิเย่”

สำหรับ “แถบวัดระดับสีผิว” เครื่องมือที่ช่วยจุดพลุให้การ์นิเย่ ค่ายนี้นำมาใช้ได้นานกว่า 4-5 ปีแล้ว โดยถูกนำมาใช้กับ “การ์นิเย่ ไลท์” หรือผลิตภัณฑ์กลุ่มไวท์เทนนิ่งเป็นตัวแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างหลังจากใช้สินค้า ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ความขาว วัดได้” ทั้งนี้ไม่เพียงแต่พฤติกรรมของสาวเอเชียที่ต้องการเรื่องผิวขาวเป็นอันดับแรกเท่านั้น จะเห็นว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้การ์นิเย่เลือกบุกในมุมไวท์เทนนิ่งก่อน เนื่องจากสัดส่วนของตลาดไวท์เทนนิ่งที่สูงถึง60% จากตลาดสกินแคร์ผู้หญิงมูลค่า 14,000 ล้านบาท ส่วนแอนไท เอจจิ้ง มีสัดส่วนเพียง 25% และอื่นๆ 15% จึงไม่แปลกที่ผู้เล่นรายนี้จะเลือกฝังรากลึกในมุมนี้ แม้ว่า DNA ของการ์นิเย่ คือ การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ โดยผู้จัดการฝ่ายการตลาดแบรนด์การ์นิเย่ บอกว่า ไวท์เทนนิ่งเป็นเพียงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ เหมือนกับการแตกไลน์ไปสินค้าหมวดอื่น เช่น ดิโอโดแรนต์, การ์นิเย่ เมน

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า เจ้าแถบวัดระดับสีผิวนั้นสามารถตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยวัดจากตัวการ์นิเย่ ไลท์ ครีม ขนาด 50 มล. มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในช่องทางโมเดิร์นเทรด ขณะที่กลุ่มการ์นิเย่ สกิน แนทเชอรัลส์ วันนี้ก็ทำยอดขายถึง 70% ของแบรนด์การ์นิเย่ด้วย จึงไม่แปลกที่การ์นิเย่จะนำเครื่องมือดังกล่าวไปใช้กับสินค้าตัวอื่นที่ต้องการขายเรื่องความขาว ไม่ว่าจะเป็นดิโอโดแรนต์ บอดี้โลชั่น หรือแม้แต่การ์นิเย่ เมน ที่หลังจากเปิดตัวได้เพียง 8 เดือน ก็สามารถติด Top 3 แบรนด์ ของตลาดสกินแคร์สำหรับผู้ชายมูลค่า 1,700 ล้านบาท คิดเป็นรายได้ 15% ของแบรนด์การ์นิเย่ และจากการใช้เครื่องมือดังกล่าวมาย้ำจุดขาย ควบคู่กับการมี อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมเ ป็นพรีเซนเตอร์ ก็ได้สร้างแรงกระแทกไปถึงคู่แข่งอย่าง “วาสลีน” ที่แม้จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของยักษ์ลีเวอร์ ทว่า วาสลีนก็ต้องหันมาพูดเรื่องการเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2 สัปดาห์ โดยใช้ หนุ่มเคน-ธีรเดช มาเป็นผู้ถ่ายทอด Message โดยหวังว่าความฮอตของพระเอกคนนี้จะช่วยดึงความสนใจให้ผู้บริโภคทดลองใช้สินค้า

ล่าสุดการ์นิเย่เปิดตัว “การ์นิเย่ ไลท์ ครีม เอสพีเอฟ 17” และ “การ์นิเย่ บอดี้ ไลท์ เอ็กซ์ตร้า โลชั่น” ออกมาแทนสูตรเดิม โดยยังคงใช้ แอฟ-ทักษอร เป็นพรีเซนเตอร์ และแน่นอนยังมี “แถบวัดระดับสีผิว” เป็นเครื่องมือเช่นเดิม แถมต่อยอดด้วย “แถบวัดระดับจุดด่างดำ” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งต้องดูกันว่าเมื่อเพิ่มพลังแถบวัดระดับสีผิวเป็นคูณ 2 จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้การ์นิเย่ ไลท์ เติบโตแบบคูณ 2 ด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เชื่อว่างานนี้พอนด์สต้องออกแรงมากขึ้น เพื่อขยับหนีการไล่ล่าของการ์นิเย่

และนี่เป็นเพียงการบุกในฝั่งไวท์เทนนิ่งของการ์นิเย่ที่เขย่าตลาดสกินแคร์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่เชื่อว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ ผู้บริโภคบ้านเราจะได้เห็นการรุกเข้มในฝั่งแอนไท เอจจิ้งอย่างแน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us