เมื่อสิบกว่าปีก่อนสำหรับคนไทยตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าทำกิจวัตรประจำตัวยันค่ำ
ทั้งวันหนีไม่พ้นที่จะบริโภคสินค้าญี่ปุ่นมาใน พ.ศ. นี้ดูเหมือนการค่อย ๆ
แทรกเข้ามาของยักษ์ใหญ่คอนซูมเมอร์โปรดักส์ของอเมริกา จะเริ่มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหมื่นล้านในเมืองไทย
เพราะผู้บริโภคหันไปไหนมาไหนจะพบสินค้าอเมริกันมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่ข่าวการขยับตัวของพรอกเตอร์ แอนด์ แกรมเบิล ที่ทุ่มเงินกว่าสองหมื่นล้านบาทเข้าเทคโอเวอร์รีซาร์ดสัน
วิคส์ ทั่วโลกเมื่อปลายปีที่แล้วมีผลถึงรีซาร์ดสัน วิคส์เมืองไทยที่จะเป็นฐานทางการตลาดให้พรอกเตอร์
แอนรด์ แกรมเบิลนำสินค้าเข้าเมืองไทยโดยสะดวกยิ่งขึ้น
หรือแม้การเข้ามาของแอมเวย์ ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในยุทธจักรขายตรงของโลก
ที่คอนซูมเมอร์ โปรดักส์อยู่ในมือมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเครื่องสำอาง
ฯ ลฯ ซึ่งสินค้าที่ส่งเข้ามาชิมลางตลาดเมืองไทยเช่น สบู่ แชมพู น้ำยาล้างรถ
น้ำยาเช็ดกระจก ผงชักฟอก เป็นต้น ซึ่งชื่อแอมเวย์ ก็เริ่มคุ้นหูคนไทยพอสมควรแล้ว
จนถึงล่าสุดเมื่อต้นปีมิถุนายนนี้ มีการเปิดตัวอเมริกันแบรนด์ส อิงค์ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอีกแห่งหนึ่งที่ดำเนินสินค้าอุปโภคบริโภค
และบริการทางด้านการเงิน การแถลงข่าวเปิดตัวในเมืองไทยเรื่องหลัก ๆ ก็คือโครงการลงทุนผลิตภัณฑ์บางอย่างในประเทศไทยของบริษัทในเครือคือ
บริษัท แอนด์รูว์ เจอร์เก้นส์ และบริษัท อคูชเน็ท
โดยบริษัท เจอร์เก้นส์ ได้จ้างบริษัท นวศรี แมนูแฟนเจอร์ริ่ง ผลิตโลชั่นถนอมผิว
เจอร์เก้นส์ และบริษัท อคูชเน็ท จะร่วมกับบริษัทในเครือ ไมเนอร์โฮลดิ้งกรุ๊ป
(กรุงเทพฯ ) ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทำจากยาง
"ประเทศไทยมีความสำคัญต่อกลยุทธทางการตลาดในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิค
การพัฒนาใหม่ ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทขยายตัวไปทั้งในประเทศและประเทศใกล้เคียง"
มร.วิลเลียม เจ. อัลเลย์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงาน อเมริกา แบรนด์
อิงค์ กล่าวและเพิ่มเติมด้วยคำว่าอเมริกาแบรนด์ส ยังมีโครงการจะมาร่วมลงทุนผลิตขนมปังกรอบ
และคุกกี้ "ซันไชน์" ในประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคของอเมริกัน แบรนด์สในเขตเอเชีย - แปซิฟิค
เมื่อปี 2529 มียอดขายถึง 2,550 ล้านบาทในเมืองไทยนั้นมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครืออเมริกันแบรนด์สหลายชนิดตั้งแต่ปลายปี
2528 รวมยอดขายได้ทั้งสิ้นประมาณ 12,750,000 บาท ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ
วิสกี้ จิม บีม ที่จำหน่ายโดยผ่าน บริษัท ริช มอนเด้ และเครื่องกีฬากอล์ฟของบริษัท
ฟินเนเกิ้ลและ ฟุต- จอย ที่มีผู้นำเข้ามาจำหน่ายหลายรายด้วยกัน
"ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทำด้วยยางนั้นลงทุนขั้นต้นประมาณ 25 ล้านบาท โรงงานตอนนี้ก่อสร้างแล้วอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม
จะใช้ยางที่เป็นวัตถุดิบในประเทศไทย 15 % ในปีแรกจะผลิตประมาณ 15,000 ตัน
และจะส่งออกประมาณ 90 % ของที่ผลิตได้ " มร. วิลเลียม กล่าวถึงโครงการที่ผลิตรถยนต์ที่ทำด้วยยางว่านตอนนี้อยู่ระหว่างการขอรับการส่งเสริมการลงทุนด้วย
"ส่วนผลิตภัณฑ์โลชั่นเจอร์เก้นส์นั้น จะให้ทางนวศรีฯ ผลิตอย่างเดียว
คงจะผลิตได้ในเดือนตุลาคมนี้ ขณะนี้ยังสั่งเข้ามาจำหน่ายอยู่ส่วนตัวแทนยังไม่ได้ตัดสินใจจะให้ดำเนินการเองหรือมอบหมายให้ใคร"
มร. วิลเลียม กล่าวเสริม
สำหรับคอนซูมเมอร์ โปรดักส์ ในวันนี้ อเมริกัน แบรนด์ส บุกตลาดเมืองไทยด้วยผลิตภัณฑ์
โลชั่นซึ่งคิดว่าจะมีโอกาสทางการตลาดมากที่สุด ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น บุหรี่
คาร์ลตันลัคกี้ สไตรค์ พัลมัล และทาร์เรย์ตัน ของวิสกี่ จิม บีม เบอร์บอน,
กุญแจมามาสเตอร์ ขนมปังกรอบและคุกกี้ ซันไชน์ , เครื่องครัว "เคส"
ก็คงเตรียมที่จะบุกตลาดเมืองไทยอย่างจริงจังในเวลาอีกไม่นาน
ดูเหมือนจะเป็นการเริ่มยุคสินค้าอุปโภค บริโภค"อเมริกัน" ไม่ว่าจะเป็น
พี แอนด์ จี แอมเวย์ หรืออเมริกัน แบรนด์สเสียแล้วสำหรับขณะนี้
สำหรับคอลเกต , ลีเวอร์ฯ ยักษ์คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ ในนามเจ้าภาพที่ครองตลาดในเมืองไทยมาช้านาน
คงต้องคอยต้อนรับบคอนซูมเมอร์ โปรดักส์ สัญชาติอเมริกันนี้ไว้เนิ่น ๆ ได้แล้ว