ดีแทคดับเครื่องชนเอไอเอส ท้าพิสูจน์คุณภาพเครือข่ายในกรุงเทพฯว่าใครเหนือกว่ากัน
ประกาศพันธสัญญา สุดยอดเครือข่าย 20 จังหวัดภายในกลางปีหน้า ย้ำวันนี้ต้องแข่งรูปธรรมมากกว่พร่ำเพ้ออนาคต
ด้านเอไอเอสโต้กลับดีแทคมีดีแค่พีอาร์สร้างภาพ แต่ความจริงยังเล่นเรื่องลดแลกแจกแถมธรรมดา
ดีแทคเริ่มปฏิบัติการท้าทายเอไอเอส ในเรื่องเครือข่ายเป็นครั้งแรก ด้วยการประกาศพันธสัญญาหรือCommitment
2004 ซึ่งไม่ใช่แค่ คำมั่นของ 2 ซีอีโอ อย่างนายซิคเว่ เบรกเก้ กับนายวิชัย เบญจรงคกุล
เท่านั้น แต่หมายรวมถึงพันธสัญญา ของบริษัท ดีแทค ในด้านเครือข่าย ที่มุ่ง 2 ประเด็นหลักคือ
1.เป็นที่สุด ของคุณภาพสัญญาณเสียงที่ชัดเจน และ 2.ที่สุดในการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
นายซิคเว่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมดีแทคกล่าวว่า การแถลงเรื่องคำมั่นเครือข่ายดังกล่าว
ไม่ใช่เป็นมาร์เกตติ้งแคมเปญ หรือเป็นการเปิดบริการใหม่ แต่เป็น การตอกย้ำให้เห็นแนวทางของดีแทคในการทำธุรกิจ
"เอไอเอสอาจจะหงุดหงิด ที่เราออกมาเปรียบเทียบเรื่องเครือข่าย แต่ถ้าเอไอเอสอยากโต้กลับบ้างหรืออยากท้าทายดีแทค
ในเรื่องคุณภาพของเครือข่าย เราก็พร้อมสู้ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์กับธุรกิจและประโยชน์กับผู้บริโภค"
ดีแทคออกมาเปิดเผยถึงผลสำรวจของบริษัท Real Time Access Communication (RTAC)
ในเรื่องคุณภาพเครือข่าย ซึ่งบริษัทนี้โนเกียใช้วัดคุณภาพเรื่องสัญญาณอยู่แล้ว
ดีแทคเลยให้ทำสำรวจเรื่องคุณภาพของเครือข่ายดีแทคออกมาด้วย โดยเป็นการเปรียบเทียบในกลุ่มผู้ให้บริการ
4 รายหลักในกรุงเทพฯและปริมณฑลในระหว่างวันที่ 16-23 ก.ย.ที่ผ่านมา และทดสอบสัญญาณในต่างจังหวัด
3 เมืองหลักคือเชียงใหม่ นครปฐมและหาดใหญ่ (สงขลา) ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.
ตัวแปรที่ใช้สำรวจครั้งนี้มีทั้งหมด 6 ตัวแปร คือ 1.Downlink Quality Performance
2.MS Output Power Level Performance 3.Drop Call Rate Performance 4.Serving Downlink
Level Performance 5.Call Success Rate Performance และ 5.Handover Success Rate
Performance ปรากฏว่าในกรุงเทพฯดีแทคคุณภาพ เครือข่ายดีที่สุดคือ 96.5% รองลงมาเป็นเอไอเอส
91.8% และจีเอสเอ็ม (1800) 91.1% ส่วนทีเอออเร้จน์ 90% ,นครปฐม ดีแทค 97.95% เอไอเอส
96.7% จีเอสเอ็ม(1800) 82.75% ทีเอออเร้นจ์ 71.4% เชียงใหม่ ทีเอออเร้นจ์ 96.93%
ดีแทค 97.95% เอไอเอส 96.7% และจีเอสเอ็ม (1800) 77.60% หาดใหญ่ เอไอเอส 88.98%
ดีแทค 83.30% ทีเอออเร้นจ์ 81.75% และจีเอสเอ็ม (1800) 64.18%
"ดีแทคชนะเอไอเอสที่กรุงเทพฯ" นายซิคเว่กล่าว
ส่วนนายวิชัยกล่าวย้ำว่า "ดีแทคสะท้านวงการ เราชนะที่กรุงเทพฯ นครปฐม แต่ที่หาดใหญ่วันนี้ยังไม่ดี
วันนี้ยังกลัดกลุ้มอยู่ ตื่นเช้าเรายังต้องเอามือก่ายหน้าผาก แต่ที่เชียงใหม่เราก็ยังดีกว่าเอไอเอส
" ดีแทคกำลังชวนเอไอเอสเปลี่ยนแนวรบจากการทุ่มโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ จำนวนมาก
มาสู่การแข่งขันด้านคุณภาพเครือข่ายและคุณภาพบริการ ซึ่งเป็นเรื่องที่มองเห็นภาพที่ชัดเจน
ดีกว่ามาพร่ำเพ้อถึงแต่เรื่องอนาคต โดยทั้ง 2 ซีอีโอออกมาให้พันธสัญญาว่าภายในไตรมาสแรกของปีหน้าใน
10 จังหวัดที่ประกอบด้วยกรุงเทพฯ นครปฐม ราชบุรี ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา
นครราชสีมา เชียงใหม่ พิษณุโลก คุณภาพของเครือข่ายต้อง เป็นที่ 1
หลังจากนั้นไตรมาส 2 อีก 10 จังหวัดอย่างอยุธยา สระบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช
เชียงราย นครสวรรค์ ระยอง ฉะเชิงเทรา ขอนแก่นและอุบลราชธานี ก็จะต้องมีคุณภาพเครือข่ายเป็นที่
1 เช่นกัน
"ตอนนี้เรา 2 คนเท่ากับเอาคอพาดเขียง รับประกันคุณภาพของเครือข่ายอยู่"
วิชัยกล่าว
ตั้งแต่ปี 2543 ใช้เงินลงทุนไปกว่า 4 หมื่นล้านบาท ขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อ
ภายในครึ่ง ปีแรกของปีหน้า รวมแล้วดีแทคจะมีสถานีฐาน มากกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ
เอไอเอสเชื่อแค่พีอาร์
ด้านนายกฤษณัน งามผาติพงศ์ รองกรรม การผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวว่า
หากการทำสำรวจตลาดเป็นเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่การวัดคุณภาพเครือข่ายโดยเฉพาะเครือข่ายมือถือที่คนใช้บริการมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
เป็นเรื่องที่ยากจะทำได้ชัดเจนและแม่นยำ
"อย่างวันนี้ผมบอกว่าที่สยามฯเอไอเอสใช้ได้ดีที่สุด ไม่มีลูกค้าบ่น เราจะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดที่ได้มาตรฐาน
ผมอยากบอกว่าเอไอเอสเลยจุดที่ดีแทคพยายามดึงเราลงไปเล่น และเอไอเอสจะไม่ลงไปเล่นในเกมที่คู่แข่งต้องการ
แต่เราจะให้ความสำคัญตามแนวทางของเราด้านการให้ประโยชน์กับลูกค้าและโปรแกรมการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า"
เอไอเอสมองว่าสิ่งทีดีแทคทำยังอยู่ในวังวนลดแลกแจกแถมทั้งมายแพกเกจและแฮปปี้ดีพร้อมท์
ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ในช่วงแรกยังพอมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ดีแทคทำในการสร้างแบรนด์แล้ว
จะเห็นว่าแบรนด์ยังไม่นิ่งพอทั้งมายและแฮปปี้ซึ่งเป็นสิ่งที่เอไอเอสเบาใจอย่างยิ่งในการแข่งขัน
"เราเดินมาไกลกว่าลดราคาแล้ว และเราจะไม่ลงไปเล่นตามเกมคู่แข่ง แต่วันนี้เราพูดถึงบริการใหม่ๆที่จะเป็นประโยชน์กับลูกค้าภายใต้เทคโนโลยีที่เรามีอยู่"