|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ภาพผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งถูกเผาบนเชิงตะกอนที่มีแต่เพียงโลงศพและกิ่งไม้ทำเป็นฟืน ไม่มีดอกไม้ประดับหรูหรา มีแต่หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม ทำพิธีอย่างเรียบง่ายและญาติร่วมงานเพียงไม่กี่คน
การจากไปของผู้ป่วยที่เข้ามารักษาโรคมะเร็ง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไข้บางคนที่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ แต่การได้เข้ามาอยู่ในวัด มีโอกาสฟังธรรม ช่วงสุดท้ายของลมหายใจจะมีหลวงตายืนดูแลอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ดวงวิญญาณไปอย่างสงบสุข โดยไม่เจ็บปวด หลวงตามักจะบอกเสมอว่าตายแบบยิ้มได้
กระนั้นก็ดียังมีผู้ป่วยโรคมะเร็งจากทั่วสารทิศเดินทางมาวัดคำประมงทุกวัน เพราะเชื่อว่ายังมีโอกาสและความหวัง
อโรคยศาล เป็นสถานอภิบาลพักฟื้นผู้ป่วยด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติ วัดคำประมง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร www.khampramong.org ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษา 1,900 คน
แรงบันดาลใจที่ทำให้พระอาจารย์ ดร.ปพนพัชร์ ภิบาลพักตร์นิธี (จิรธัมโมภิกขุ) ก่อตั้งอโรคยศาล เพราะเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก
หลวงตาเริ่มรักษาอาการจากแพทย์แผนปัจจุบันแต่ไม่หาย มีอาการเลือดไหลออกตลอดเวลา สร้างความเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก กระทั่งได้หันมาลองทานยาสมุนไพร อาการเริ่มดีขึ้น จึงศึกษาสมุนไพรอย่างจริงจังจนสามารถคิดค้นสูตรยาสมุนไพรรักษามะเร็ง
จากประสบการณ์ที่หลวงตาได้รับ จึงต้องการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะเข้าใจความทุกข์แสนสาหัสที่ผู้ป่วยได้รับจากโรคมะเร็งเป็นอย่างดี
วิธีการรักษาจะเป็นรูปแบบการบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวม คือผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนไทย (สมุนไพร) การแพทย์แบบตะวันตก การแพทย์แผนจีน (การฝังเข็ม) สมาธิบำบัด ดนตรีบำบัด ธรรมบำบัด และอาหารเพื่อสุขภาพ
วัตถุประสงค์ของอโรคยศาล ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกชาติ ศาสนา ที่มีความทุกข์จากการเจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็ง ด้วยการรักษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดูแลรักษาได้มาจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค
หลวงตาตระหนักดีว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกข์สาหัสด้านร่างกายแล้ว บางรายก็ไม่มีเงินรักษา หรือบางคนต้องขายทรัพย์สิน กลายเป็นทุกข์ทางใจ ดังนั้นหลวงตาจึงต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ การรักษาผู้ป่วยจึงเป็นการรักษาด้านร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน
ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาจะพักอยู่บ้านพักคนไข้มีญาติมาคอยดูแล โดยผู้ป่วยจะต้องดื่มน้ำสมุนไพรทุกวัน วันละ 2 เวลา ทุกเช้าและเย็น
ผู้ป่วยแต่ละคนจะรับยาแตกต่างกันไปแล้วแต่อาการ เพราะโรคมะเร็งเกิดจากหลายแห่ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งข้างหู มะเร็งเต้านม มะเร็งหลังโพรงจมูก
ยาสมุนไพรที่ให้ผู้ป่วยก็จะตั้งชื่อไปตามอาการของโรค แต่ก็มีชื่อยาแปลก ฟังแล้วเก๋ๆ เช่น สมุนไพรน้ำสาบาน บำรุงตับ ยาสมานฉันท์ แก้น้ำเหลืองเสีย เป็นต้น
นอกจากยาที่อโรคยศาลจะจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ผู้ป่วยจะต้องต้มยาของตัวเองด้วย โดยเฉพาะยามะเร็ง การต้มยามะเร็งจะทำพิธีกรรม
การประกอบพิธีกรรมมีสาระที่แฝงเร้น คือการทำจิตใจให้สงบ ผ่องแผ้วจากความทุกข์ใจต่อความเกรงกลัวโรคภัยไข้เจ็บที่กำลังรุมเร้า และสร้างความศรัทธาในสิ่งที่ทำอยู่
พิธีกรรมจะมีขั้นตอนเริ่มจากผู้ป่วยและญาติจัดเตรียมกายใจ อาบน้ำท่าให้สะอาดเรียบร้อย เตรียมขันหมากเบ็ง หรือบายศรี ขันธ์ 5 หมาก พลู บุหรี่ ผลไม้ ดอกไม้ และให้ทุกคนจุดธูปสักการะพ่อปู่ฤาษีที่ประดิษฐานอยู่ข้างโรงต้มยาสมุนไพร
หลังจากนั้นหลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม เจ้าอาวาสวัดคำประมงเป็นประธาน ทุกคนไหว้พระรับศีลห้า และให้ผู้นำพิธีกรรมอ่านโองการอัญเชิญเทพยดา เทพพรหม ปู่ฤาษีชีวกโกมารภัจจ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์
ผู้ป่วยสวดพระอาฏานาฎิพระปริตรแปล บทสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร บทสักกัตวา พาหุง มหาการุณิโกนาโถ และอื่นๆ จนจบ ผู้ป่วยนำห่อยาสมุนไพรยกขึ้นอธิษฐานก่อนให้ญาตินำไปต้ม หลังจากนั้นผู้ป่วยนั่งกรรมฐาน 9 นาที ก่อนแผ่เมตตา และหลวงตาบอกวิธีการต้มยา กินยา การอุ่นยา
บรรยากาศพิธีต้มยาแสดงให้เห็นถึงความรักและสามัคคีระหว่างคนไข้ ญาติผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือจุดไฟต้มน้ำในหม้อดินใบใหญ่ และต้องเคี่ยวยานานกว่า 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เคี่ยวยาต้องเติมฟืน คอยคุมไม่ให้ไฟร้อนเกินไป หากร้อนมากจะทำให้หม้อดินแตกได้ง่าย การต้มยาจึงเหมือนกับเป็นการฝึกความอดทนของทั้งคนไข้และญาติ
พิธีกรรมนับว่าเป็นกุศโลบายอันแยบยล ช่วยสร้างพลังจิตให้คนไข้มีพลังศรัทธาที่จะรักษาตัวเองให้มีอาการดีขึ้นจากอาการป่วย
นอกจากพิธีกรรมต้มยาแล้ว การฟังธรรมะจากหลวงตาทุกเย็น ยังช่วยปลอบประโลมใจผู้ป่วยและญาติให้สงบเยือกเย็นลง
มีคนไข้บางคนกล่าวไว้ว่า โชคดีที่เป็นมะเร็ง ทำให้รู้จักชีวิต รู้จักธรรมะ รู้คุณค่าของชีวิต และรู้จักหนทางสร้างศรัทธามั่นคงแน่วแน่ต่อพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป
|
|
|
|
|