|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หัวไชโป๊วหรือผักกาดดองหวาน-เค็ม เมืองสุรินทร์ ต้นตำรับจากเมืองจีน เป็นสินค้าขึ้นชื่อที่อยู่ในคำขวัญของจังหวัดสุรินทร์ ที่ว่า “ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม” เป็นสินค้าที่เติบโตเงียบๆ ส่งขายทั่วประเทศ และส่งกลับถิ่นต้นตำรับอย่างจีน ไต้หวัน และฮ่องกง เป็นที่รู้จักไม่แพ้ผ้าไหมสุรินทร์
ทุกวันนี้ ธณกฤต เจียรวัฒนากร เจ้าของธุรกิจผักกาดดองตราสามผึ้ง ผู้สาน ต่อกิจการอุตสาหกรรมผักกาดดองหวานสูตรแต้จิ๋วจากรุ่นพ่อแม่ ยังคงดูแลธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังมีความต้องการวัตถุดิบสำหรับขยายตลาดไช่โป๊ ซึ่งเป็นการสะท้อนธุรกิจจากอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรที่ซ่อนตัวอยู่ในอีสานใต้
เซี๊ยะง้วนและเอี้ยงใช้ แซ่เจ็ง ชาวจีน ต้นตระกูลผู้ทำอุตสาหกรรมผักกาดดอง พ่อและแม่ของธณกฤตอพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทย เปิดห้องแถวยึดอาชีพปลูกผักกาดและผลิตเป็นผักกาดดองหวาน-เค็มออกขายอยู่ที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่ปี 2517 จนในที่สุดย้ายเข้ามาเปิดเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานอุตสาหกรรมเจริญชัย ในตัวเมืองสุรินทร์ แต่ยังคงมีแหล่งเพาะปลูกหัวผักกาดที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 1,000 ไร่ อยู่ในพื้นที่เดิมที่อำเภอกาบเชิง
ธณกฤตเปิดเผยว่า หนึ่งในเคล็ดลับของการผลิตผักกาดหวานของตราสามผึ้ง ตั้งแต่เริ่มกิจการถึงปัจจุบันนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ที่การใช้วัตถุดิบหัวผักกาดที่ปลูกในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งสภาพดินและอากาศทำให้ได้ผักกาดหัวเล็กที่มีความละเอียดเหนียวและกรอบเมื่อเทียบกับวัตถุดิบจากแหล่งอื่น
“เราใช้วัตถุดิบจากสุรินทร์เท่านั้น เพราะต้องมีกระบวนการจัดการดูแลตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก โดยเราสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ติดตั้งเครื่องรดน้ำให้กับผู้ปลูก ซึ่งจะต้องดูแลควบคุมการให้น้ำที่พอเหมาะ เพื่อให้หัวผักกาดมีคุณภาพครบทันการเก็บเกี่ยว สอนกรรมวิธีหมักเกลือตากแห้งที่เป็นสูตรเดียวกัน เพื่อให้รสชาติของหัวผักกาดที่ส่งจำหน่ายให้กับโรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการหมักดองในโรงงานไม่เพี้ยน”
กระบวนการทั้งหมดที่ธณกฤตเล่ามาตั้งแต่การคัดเมล็ดพันธุ์ การปลูก เก็บ หมักเกลือ ส่งเข้าสู่โรงงาน และกระบวนการผลิตของทางโรงงานเอง คือจุดแข็งที่ทำให้ชื่อเสียง ของผักกาดดองตราสามผึ้งประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และ ได้รับคัดเลือกเป็นสินค้า OTOP ประจำจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่เมื่อปี 2532 รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและกัมพูชา นอกเหนือจากประเทศในกลุ่มที่มีประชากรเชื้อสายจีนเป็นหลัก
สำหรับตราสามผึ้ง ในฐานะมืออาชีพด้านการผลิตผักกาดหวาน ยังมีสูตรพิเศษที่ต่างจากแบรนด์อื่น นั่นคือการผลิตหัวผักกาดหวานหมักน้ำผึ้งแท้ 4 ปี ซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นยาโดยธรรมชาติ มีสรรพคุณขับลมในกระเพาะอาหาร ซึ่งถือเป็นจุดต่างในบรรดาผู้ผลิต หัวผักกาดดองทั้งหมดที่มีผลิตอยู่ เพียงรายเดียวในตลาด และไม่มีขายทั่วไปจะซื้อได้ต้องที่ตัวเมืองสุรินทร์เท่านั้น
“ถือเป็นสูตรลับของตระกูล และยังเป็นที่มาของตราสามผึ้งด้วย เพราะสมัยเปิดโรงงานที่กาบเชิง ตอนหมักหัวผักกาดมีผึ้งป่าเข้ามาดูดน้ำหวานจากการหมักจำนวนมาก แล้วในครอบครัวมีผู้ชาย 3 คน เป็นกำลังสำคัญ เราก็เลยใช้ผึ้งสามตัวเป็นตัวแทนและใช้ชื่อตราสามผึ้งตั้งแต่นั้นมา”
ความต่อเนื่องในการผลิตหัวผักกาดดอง รวมทั้งการรักษาสูตรลับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจหัวผักกาดที่บางคนอาจจะไม่รู้จักเท่าไรนี้ ยังมีความต้องการขยายกำลังการผลิตอยู่เสมอ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่สามารถขยายได้เท่าที่ต้องการ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ต้องมีการควบคุมตั้งแต่ต้นทาง มิฉะนั้นคุณภาพและรสชาติจะเสียหายได้
“แหล่งวัตถุดิบเราไม่พอกับความต้องการ แม้หัวผักกาดจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกง่าย สร้างรายได้กว่ามันสำปะหลังหรือปอ แต่ก็ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลักที่รัฐส่งเสริม โรงงานต้องส่งเสริมเอง เราต้องสอนเกษตรกรให้รู้วิธีปลูกและการหมัก ทุกวันนี้ถ้ามีเกษตรกรรายใดสนใจ เราก็พร้อมจะให้คำแนะนำและสนับสนุนทันที” ธณกฤตกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาการผลิตเพื่อขายและจำหน่ายในตลาดเดิมๆ ทั้งในและต่างประเทศ หัวผักกาดดองตราสามผึ้งก็มีแนวคิดว่า การขนส่งสินค้าสู่ประเทศในอินโดจีน ผ่านทางจังหวัดสุรินทร์ ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจของตราสามผึ้งขยายตลาดและแหล่งวัตถุดิบเข้าสู่ตลาดนี้ในอนาคตอย่างจริงจังมากขึ้น นอกเหนือจากการค้าชายแดนผ่านช่องจอมและช่องสะงำที่ดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน
|
|
|
|
|