Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2529
ใครเป็นทหารเอกของ สมหมาย ฮุนตระกูล             
 


   
search resources

กำจร สถิรกุล
สมหมาย ฮุนตระกูล
ศุกรีย์ แก้วเจริญ
นพันธ์ พุกกะณะสุต




สำหรับคนอายุ 67 ย่าง 68 มะรอมมะร่อ แต่ยังต้องมาแบกรับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจรอบตัวอย่าง สมหมาย ฮุนตระกูล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีคนมาช่วยทำงาน

และคนที่ว่านี้ต้องมีคุณสมบัติหลายอย่าง ทั้งเก่งเรื่องงานและเก่งเรื่องเอาใจคนแก่ ความรู้สึกต้องไวทันผู้เป็นเจ้านายว่าเรื่องไหนท่านชอบปฏิบัติ เรื่องไหนไม่ชอบก็อย่าไปเสนอเซ้าซี้ เพราะท่านหงุดหงิดง่าย มิหนำซ้ำช่างจดช่างจำ ซึ่งเป็นลักษณะของคนอายุมากที่ขี้ใจน้อย และต้องการคนเอาอกเอาใจ

ใครทำให้หงุดหงิดบ่อย ๆ อาจจะถูกย้ายให้พ้นหูพ้นตาไปอย่างชาญชัย ลี้ถาวร เคยโดน หรือหากทำให้หงุดหงิดมากก็อาจจะสั่งปลดไปเลย โดยไม่แยแสว่าคนคนนั้นจะเป็นถึงผู้ว่าการแบงก์ชาติอย่าง นุกูล ประจวบเหมาะ

ว่ากันว่า ในบรรดาคนช่วยทำงานระดับทหารเอกของสมหมาย ฮุนตระกูลนั้น ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมเป็นพิเศษเห็นจะยกให้กับ ศุกรีย์ แก้วเจริญ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพราะสนิทสนมกันมานานตั้งแต่สมัยอยู่แบงก์ชาติ

มาแน่นแฟ้นหนักก็ตอนที่ศุกรีย์ แก้วเจริญมานั่งเก้าอี้ที่บรรษัทเงินทุน หลังจากที่ลาออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยความชอกช้ำ ซึ่งที่นี่เองสมหมาย ฮุนตระกูลได้อยู่ในตำแหน่งประธานมาตั้งแต่ปี 2516

ดูเหมือนดวงชะตาของศุกรีย์จะถูกโฉลกกับบรรษัทเงินทุนมากกว่าหน่วยงานอื่นที่ทำมา ช่วงแค่ 5 ปีที่ศุกรีย์เข้ามาบริหาร บรรษัทฯ จึงโตพรวดพราดจากสินทรัพย์ 4,000 ล้านบาท ในปี 2523 มาเป็น 11,100 ล้านบาท ในปี 2528 อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม 40-50 เปอร์เซ็นต์

เทียบกับธนาคารพาณิชย์แล้ว เป็นรองแค่ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น

ไม่ต้องสงสัยว่าศุกรีย์ แก้วเจริญจะไม่เป็นที่โปรดปรานของผู้ที่เป็นประธานชื่อสมหมาย ฮุนตระกูล สักเพียงใด เพราะพูดถึงความผูกพันแล้วสมหมาย ฮุนตระกูลผูกพันกับบรรษัทเงินทุนอย่างมาก เนื่องจากเมื่อครั้งที่อกหักจากแบงก์ชาติจากตำแหน่งผู้ว่าการ (CANDIDATE ตอนนั้นคือพิสุทธิ์ นิมมานเหมินท์ ได้เป็นแทน) สมหมายก็เคยนั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทมาแล้วระหว่างปี 2513-2515

สำหรับพนักงานในบรรษัทเงินทุนแล้วเป็นเรื่องธรรมดามาก หากจะมีนายแบงก์ใหญ่ ๆ นักธุรกิจใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่มีกระทรวงการคลังเข้าไปถือหุ้นด้วยอย่าง เช่น โครงการผลิตเยื่อกระดาษจากปอ โครงการปุ๋ยแห่งชาติ ฯลฯ ขับรถเข้ามากินข้าวกลางวันกับศุกรีย์ แก้วเจริญบ่อย ๆ

ลักษณะที่ว่านี้เพิ่งเกิดประมาณปี 2524-2525 หลังจากที่สมหมาย ฮุนตระกูลได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลชุด “เปรม 2” ซึ่งตัวศุกรีย์ แก้วเจริญอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่า นายแบงก์เหล่านั้น นักธุรกิจเหล่านั้นต้องการอาศัยขอยืมปากของศุกรีย์เอาเรื่องราวที่คับข้องมีปัญหาไปพูดให้สมหมายฟัง เพราะต้องเจอกันเป็นประจำอยู่แล้วแทบทุกเดือน ในฐานะประธานกับผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทเงินทุน ไม่จำเป็นต้องไปเสนอหน้าขอเข้าพบที่กระทรวงการคลังเสียด้วยซ้ำ

เคยมีคนถามศุกรีย์ แก้วเจริญว่าเป็นคนที่สมหมาย ฮุนตระกูลไว้ใจมากที่สุดใช่หรือเปล่า ซึ่งศุกรีย์บอกว่าเป็นเรื่องที่คนเข้าใจกันไปเอง แต่ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติตัวเขามาก และเป็นเกียรติที่ “ตะขิดตะขวงใจที่ได้รับ”

ไม่ว่าศุกรีย์จะตะขิดตะขวงใจแค่ไหน ก็เป็นที่รู้กันว่าหากจะเทียบสมหมาย ฮุนตระกูลเป็น “ดอน คอร์เลโอเน”ในนิยาย God Father ของมาริโอ พูโซแล้ว ระดับของศุกรีย์ แก้วเจริญแม้จะไม่ถึงขั้นเป็น “คอนซีลโยรี” หรือที่ปรึกษาประจำตัว แต่ไม่หนีตำแหน่ง “คาโปเรจิเม” หรือทหารเอกคนหนึ่งแน่ ๆ

เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรที่นายแบงก์หรือนักธุรกิจคนไหนได้มีโอกาสไปปริปากพูดกับศุกรีย์ แก้วเจริญแล้วก็แทบทุกครั้งว่าสมหมาย ฮุนตระกูลต้องรู้เรื่อง ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรนั้นคงสุดที่จะทราบได้ว่าศุกรีย์จะกล้าเสนอความเห็นของตนไปด้วยหรือเปล่า

พอดีตอนที่กำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้มีข่าวว่าตามใจ ขำภโต กำลังจะพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงไทยในสิ้นเดือนมกราคม 2529 นี้ และผู้ที่มีการคาดหมายว่าจะไปแทนก็คือศุกรีย์ แก้วเจริญด้วยคนหนึ่ง

“ผู้จัดการ” เผอิญมีข้อมูลอยู่บ้าง ก็เลยขอพูดถึงเสียหน่อย ปกติแล้วศุกรีย์ แก้วเจริญจะ “เคือง” มาก หากมีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนบอกว่าจะไปนั่งแทนตามใจ ขำภโต ที่แบงก์กรุงไทย โดยสาเหตุที่ว่าตำแหน่งที่บรรษัทเงินทุนเล็กกว่า

ศุกรีย์จะย้ำเสมอว่าบรรษัทเงินทุนไม่ใช่ “บริษัทเงินทุน” ที่ไม่สู้มีศักดิ์มีศรีนักในช่วง 2-3 ปีหลัง และย้ำอีกว่า ในแง่สินทรัพย์และผลการดำเนินงานแล้วเป็นรองแค่ 3 ธนาคารพาณิชย์เท่านั้น มิหนำซ้ำธนาคารทั้ง 3 แห่งที่ศุกรีย์เอ่ยถึงไม่พูดถึงธนาคารกรุงไทยเลย เรียกว่าไม่อยู่ในสายตางั้นเถอะ

ดังนั้นหากศุกรีย์ แก้วเจริญต้องย้ายไปแทนตามใจ ขำภโตจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องที่มีสาเหตุมาจากการ “ขัด” คำขอของสมหมาย ฮุนตระกูลไม่ได้เสียมากกว่า หรือในทำนองต้องไปเพราะ “บุญคุณที่ต้องชำระ” ด้วยว่าในบรรดาทหารเอกของสมหมายนั้น ศุกรีย์เหมาะกับตำแหน่งนี้มากที่สุด ทั้งบารมี อาวุโส รวมทั้งได้แสดงฝีมือให้ประจักษ์มาแล้ว

อีกคนหนึ่งที่ในสายงานแล้วถือได้ว่าเป็น “คาโปเรจิเม” อย่างเป็นทางการที่สุด นั่นก็คือ มนัส ลีวีรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง หน่วยงานที่เป็นมันสมองของกระทรวงการคลัง และขึ้นต่อสมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่เพียงผู้เดียว

แต่อาศัยที่มนัส ลีวีรพันธุ์เป็นคนที่ชอบทำงานเงียบ ๆ ไม่โฉ่งฉ่างจึงไม่ค่อยมีข่าวกล่าวถึงนัก รู้กันว่าเป็นคนที่ “ลึก” มากและผู้ใหญ่เกรงใจมากคนหนึ่ง

ที่เด่นที่สุดในหน่วยงานเดียวกับมนัส ก็คือ นิพัทธ พุกกะณะสุต รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ซึ่งคอลัมนิสต์บางคนตั้งฉายาว่า “ไอ้หนูดินระเบิด” เนื่องจากออกข่าวมาแต่ละทีวงการนักธุรกิจต้องสะดุ้งกันแปดตลบเพราะแทบหาเรื่องที่เป็นมงคลไม่ได้เลย

เช่นเรื่องการขึ้นภาษี หรือออกโรงด่ากราดนายแบงก์ไทยว่าเห็นแก่ตัวในช่วงที่ไม่มีการนำเงินตราต่าประเทศเข้ามาระยะต้นปี 2528 ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งเอา ๆ เล่นเอานายแบงก์เต้นไปตาม ๆ กัน

งานนี้นิพัทธเกือบโดนรุมยำ อาศัยที่วาพวกแบงก์พาณิชย์รู้ว่าเป็นหลานคนโปรดของสมหมาย ฮุนตระกูล จึงไม่อยากสับนัก คนที่ให้ข่าวตีโต้กลับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการฝ่ายของธนาคารชาติที่ให้ความเห็นโดยไม่เปิดชื่อว่า พูดแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นเรื่องธุรกิจเลย

“จะให้เขาเอาเงินตราต่างประเทศเข้ามามาก ๆ เพื่อช่วยประเทศแล้วเจ๊งไปผมว่าไม่ถูกนะ ผมว่าทำแบนนั้นไม่ใช่รักชาติแล้วล่ะคุณ เพราะถ้าเผื่อว่าเจ๊งไปแล้วประเทศชาติต้องมาช่วยหอบหิ้วอีกมันก็ไม่ใช่รักชาติ พูดแบบนี้เขาเรียกว่า ไม่เป็น”

คนที่รู้จักกับนิพัทธ พุกกะณะสุต ดีเล่าให้ฟังว่า โดยส่วนตัวแล้วนิพัทธ พุกกะณะสุต เป็นคนนิสัยอ่อนน้อม เข้าใจผู้ใหญ่ได้ดีทั้งผู้ใหญ่ในวงการเมือง หรือหน่วยงานราชการด้วยกัน นิพัทธจะเรียกหาเป็นพี่เป็นเอาไปหมด

พวกที่ถูกเรียกแบบนับญาติก็ไม่ว่ากระไร เพราะตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นิพัทธก็นับถือเป็นอาเพราะเป็นเพื่อนของพ่อ อย่างนี้แล้วคนที่ถูกเรียกเป็นพี่เป็นอามีหรือจะไม่ชอบ

นอกเหนือความสัมพันธ์แบบนับญาติกันแล้ว จุดเด่นที่ทำให้ นิพัทธ พุกกะณะสุตเป็น “คาโปเรจิเม” ที่สมหมาย ฮุนตระกูล รักใคร่เอ็นดู ก็เนื่องมาจากความสามารถในการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายด้านข้อมูลเศรษฐกิจ

พูดง่าย ๆ ว่าเรื่องไหนผ่านมือนิพัทธแล้ว จะถูกย่อยจนเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคณะรัฐมนตรีหรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจมากนัก พอสมหมายเอาไปเสนอก็ไม่ต้องเหนื่อยในการอธิบาย

อีกข้อหนึ่งที่นิพัทธทำประโยชน์ให้รัฐมนตรีคลังได้มากก็คือ ในช่วงที่เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นิพัทธไม่เพียงแต่สนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกหรือกองทุนระหว่างประเทศเท่านั้น

ผู้หลักผู้ใหญ่จากเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองไหน หน่วยราชการไหนที่มีธุระปะปังต้องไปเยือนเมืองหลวงของสหรัฐฯ นิพันธ พุกกะณะสุต จะให้บริการอย่างดีเยี่ยม จนเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่เหล่านั้น

อานิสงส์จากความมีน้ำใจของนิพัทธก็มาช่วยเกื้อหนุนการทำงานในปัจจุบัน ว่ากันว่าเรื่องไหนและมีท่าทางว่าจะถูกอัดในที่ประชุม ครม. เช่นการปรับภาษี หรือแม้แต่ พ.ร.ก. แก้ไข พ.ร.บ. ธนาคารพาณิชย์ นิพัทธจะอาสาท่านอาสาหมายไปเคลียร์พื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ก่อน

เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว สมหมาย ฮุนตระกูล จะไว้ใจหลายคนนี้มาก และที่ผ่านมาก็มักจะไม่ผิดหวัง

อีกรายหนึ่งที่ถือเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิและได้ดิบได้ดีเพราะสมหมาย ฮุนตระกูล ก็คือ กำจร สถิรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย “ผู้จัดการ” ไม่กล้าระบุว่ากำจร สถิรกุลเป็นคนของสมหมาย ฮุนตระกูล ที่ถูกส่งไปคุมแบงก์ชาติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างสมัย นุกูล ประจวบเหมาะ

ที่แน่ ๆ หากเป็นสมัยที่ นุกูล ประจวบเหมาะ เป็นผู้ว่าการ คำขอร้องของกระทรวงการคลังที่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกประชุมแบงก์พาณิชย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มโรงงานน้ำตาลบางกลุ่มเป็นพิเศษ หรือเรื่องการประสานกันราคาข้าวโดยแบงก์ชาติปล่อยเงินผ่านธนาคารพาณิชย์ยากเหลือเกินที่จะเกิดขึ้นได้

อาจจะกล่าวได้ว่าไม่มียุคใดสมัยใดที่แบงก์ชาติ มีบทบาทเปรียบเสมือนแขนขาของกระทรวงการคลังมากกว่าที่จะเป็นองค์กรที่ค่อนข้างอิสระจากการเมืองเท่ายุคนี้

หากจะนับกันในด้านศักดิ์ศรีและผลงานในอดีตแล้ว (“ผู้จัดการ” ฉบับเดือนกันยายน 2527) บรรดา “คาโปเรจิเม” ของสมหมาย ฮุนตระกูล ทั้งหมด คนที่อยู่ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับ “คอนซีลโยรี” มากที่สุด เห็นจะเป็นกำจร สถิรกุล นี่แหละ

สำหรับในแบงก์ชาติมีอีกคนหนึ่งที่ถูกกล่าวขวัญถึงในแง่เป็นคนสนิทของสมหมาย ฮุนตระกูล คือ เริงชัย มะระกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการธนาคารในฐานะที่เป็นหลานเขย

เป็นที่รู้กันว่าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เริงชัย มะระกานนท์ จะพานัฎฐา มะระกานนท์ ผู้เป็นภรรยาไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับสมหมาย ฮุนตระกูล และเป็นวัตรปฏิบัติที่ทำติดต่อกันมานานก่อนหน้าสมหมายจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นในยุคที่สมหมาย ฮุนตระกูล กับนุกูล ประจวบเหมาะ ขัดแย้งกันจนเป็นที่เปิดเผยรู้กันไปทั่ว เริงชัย มะระกานนท์ จึงอึดอัดมาก โดยเฉพาะช่วงที่บริษัทเงินทุนล้มเหลวกันระนาวและกระทรวงการคลังกับแบงก์ชาติตกลงกันไม่ได้ในเรื่องวิธีการแก้ไขปัญหา

ระยะนั้นเองที่นุกูล ประจวบเหมาะกับเริงชัย มะระกานนท์มองหน้ากันไม่ติด และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนแบงก์ชาติ ที่ในวันอำลาของนุกูลท่ามกลางพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยนับพันคนจะไม่ปรากฏว่ามีเริงชัยรวมอยู่ด้วย

รายชื่อทั้งหมดที่ “ผู้จัดการ” เอามาลงนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เป็นที่ไว้ใจของสมหมาย ฮุนตระกูลในระดับนายทหารเอกทั้งสิ้น

แต่ถ้าถามว่าใครที่สมหมาย ฮุนตระกูล “ไว้ใจ” และ “เชื่อถือ” มากที่สุด ก็คงต้องเชื่อแหล่งข่าวในกระทรวงการคลังว่าไม่ใช่ทั้ง 5 คนที่กล่าวถึงมาแล้ว

เพราะคนที่ว่ากันว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผู้ชราท่านนี้ไว้ใจมากที่สุด และเป็นหน้าด่านสุดท้ายในการกรองเรื่องไม่ว่าจะมาจากคาโปเรจิเมคนไหนก็ตาม คือยอดชายที่เรียกกันภายในว่า “ตุ๊ดตู่” หรือ ธนชัย ณ ระนอง เลขาฯ ประจำตัวของสมหมาย ฮุนตระกูลนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ตุ๊ดตู่ก็เป็นเพียงคนสนิทหรือคนที่ไว้วางใจที่สุดเท่านั้น แต่จะให้ถึงขั้นเป็นคอนซีลโยรี หรือที่ปรึกษาประจำตัวนั้นยังไม่ได้

เพราะคนชื่อสมหมาย ฮุนตระกูลนั้น ไม่เคยเชื่อใครจริง ๆ เลยนอกจากตัวของคนที่ชื่อสมหมาย ฮุนตระกูลเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us