Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์3 สิงหาคม 2553
ไทยติดอันดับ 7 “ธุรกิจนอกระบบ” สูงสุดในโลก             
 


   
search resources

Economics




ผลการสำรวจธุรกิจนอกระบบ ที่หลีกเลี่ยงภาษี ปี 1999-2007 ประเทศไทยมีสัดส่วนธุรกิจนอกระบบสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก มีสัดส่วนถึง 57.2% ของจีดีพี กัมพูชาติดอันดับ 12 และ ฟิลิปปินส์ ติดอันดับ 25 ส่วนประเทศที่มากสุด คือ จอร์เจีย 72.5% และสหรัฐฯ มีธุรกิจนอกระบบน้อยสุด คือ 9.0%

ในแต่ละประเทศจะมีเศรษฐกิจ 2 ส่วน คือ เศรษฐกิจในระบบ และเศรษฐกิจ หรือธุรกิจนอกระบบ เศรษฐกิจในระบบนั้น รัฐบาล และสถาบันการเงินสามารถวัดได้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี, การจ่ายภาษี, การส่งเงินสมทบประกันสังคม, ตัวเลขการจ้างงาน ส่วนเศรษฐกิจนอกระบบนั้น การสร้างเงินและการสร้างงานอยู่นอกระบบเศรษฐกิจ (ทำให้ไม่มีการจ่ายภาษี) ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย มีมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ที่มีธุรกิจนอกระบบเป็นสัดส่วนเกินกว่า 40%ของจีดีพี

ประเทศที่มีธุรกิจนอกระบบสัดส่วนสูงสุดต่อจีดีพี คือ จอร์เจีย ในปี 2007 ธุรกิจนอกระบบมีสัดส่วนถึง 72.5% ของจีดีพี รัฐบาลสูญเสียรายได้จากภาษีเป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินที่ควรจะถูกนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ชำระคืนหนี้ สร้างโรงเรียน สร้างถนน ประเทศที่มีธุรกิจนอกระบบน้อยที่สุด คือ สหรัฐอเมริกามีเพียง 9% ของจีดีพี 14.26 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจัดเก็บภาษีได้ถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในแต่ละปี

ปริมาณของธุรกิจนอกระบบ ถือว่ามีสำคัญ เห็นได้ชัดในช่วงที่กรีซประสบวิกฤตหนี้ของประเทศ ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันประเทศนี้ไปสู่การล้มละลาย คือ การที่องค์กรธุรกิจ และลูกจ้างมีการหลบเลี่ยงภาษี มากกว่า 3.1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า 10%ของจีดีพี และจากรายงานธุรกิจนอกระบบในปี 1999-2007 จาก 162 ประเทศทั่วโลก (โดย ดร.เฟรดริช ชไนเดอร์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย โจฮานเนสเคปเลอร์ ออสเตรีย, ดร.แอนเดรีย บูเอน มหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเดน และ คลอดิฌอ มองเตเนโกร จากเวิลด์แบงก์ และมหาวิทยาลัยชิลี) กรีซ มีธุรกิจนอกระบบสูงสุด เป็นอันดับ 57 โดยมีสัดส่วนธุรกิจนอกระบบ 31% ของจีดีพี

การระบุปริมาณธุรกิจนอกระบบให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะคลาดเคลื่อนจากตัวเลขจริงได้ประมาณ 15% ขณะที่รายงานระบุว่า จอร์เจียมีธุรกิจนอกระบบถึง 72.5% ตัวเลข จริงอาจจะน้อยหรือมากกว่าก็ได้ จีดีพีของจอร์เจียมีประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้ารวมธุรกิจนอกระบบเข้าไปด้วยอาจจะทำให้จีดีพีเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น

สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งจากปี 1999-2007 ธุรกิจนอกระบบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในปี 1999 สหรัฐฯมีธุรกิจนอกระบบ 8.6% และเพิ่มเป็น 9.0% ในปี 2007 สำหรับประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนธุรกิจ นอกระบบเพิ่มจาก 36.6% ในปี 1999 เป็น 38.6% ในปี 2007 ขณะที่กลุ่ม 25 ประเทศรายได้สูงในกลุ่ม OECD มีสัดส่วนนี้เพิ่มจาก 16.8% เป็น 18.7% สาเหตุที่ทำให้สัดส่วนธุรกิจนอกระบบเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มความเข้มงวดในการจัดเก็บภาษีและการกำกับดูแลที่เพิ่มขึ้นในหลายๆ ประเทศ ดังนั้น การลดภาระภาษี คือ มาตรการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ธุรกิจนอกระบบลดลง รวมถึงผ่อนคลายความเข้มงวดในการกำกับดูแลธุรกิจลง

แต่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง เช่น เปรู ธุรกิจนอกระบบขนาดใหญ่ เป็นผลมาจากการขยายตัวไปสู่ชนบท และปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้น เปรูมีธุรกิจนอกระบบใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ชาวเปรูจำนวนมากไม่มีหมายเลขประกันสังคม ไม่มีระบบจ่ายเงินเดือนอย่างเป็นทางการ มันเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นทางการในเปรู ประเทศที่มีระบบการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพจะมีธุรกิจ นอกระบบลดน้อยลง ไม่เพียงแต่การเพิ่มประสิทธิภาคการจัดเก็บภาษี และผ่อนคลายการกำกับดูแลลง แต่ต้องสร้างงานในภาคเศรษฐกิจในระบบ และลดแรงจูงใจที่จะก่อให้เกิดธุรกิจนอกระบบ

ประเทศที่มีสัดส่วนธุรกิจนอกระบบสูงสุด 10 อันดับแรก คือ
1. จอร์เจีย 72.5% ของจีดีพี 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2. โบลิเวีย 70.7% ของจีดีพี 4.50 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
3. อาเซอร์ไบจาน 69.6% ของจีดีพี 8.60 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4. เปรู 66.3% ของจีดีพี 2.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5. แทนซาเนีย 63.0% ของจีดีพี 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
6. ยูเครน 58.1% ของจีดีพี 2.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
7. ไทย 57.2% ของจีดีพี 5.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
8. ซิมบับเว 56.1% ของจีดีพี 332 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
9. อุรุกวัย 56.0% ของจีดีพี 4.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
10. กัวเตมาลา 55.0% ของ 6.92 หมื่นลฃ้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ กัมพูชา อยู่ในอันดับ 12 มีสัดส่วนธุรกิจนอกระบบ 54.2% ของจีดีพี 2.81 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ อยู่ในอันดับ 25 มีสัดส่วน 48.4% ของจีดีพี 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนประเทศอื่นๆ ในอันดับ 11-20 ประกอบด้วย แซมเบีย, กัมพูชา, ฮอนดูรัส, เฮติ, เบลารุส, คองโก, รัสเซีย, อาร์เมเนีย, ชาด และ เบนิน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us