ตลาดคอนโดมิเนียมร้อนระอุ “พรีบิลท์” บริษัทรับเหมาก่อสร้างเครือเอพี ขยายไลน์ธุรกิจสู่คอนโดมิเนียม ชิมลางโครงการในซอยร่วมฤดี เผยยอดขายพุ่ง 90% ในวันเดียว พร้อมลุยโครงการใหม่ย่านพหลโยธิน ชูจุดเด่นทำเลทอง ใกล้รถไฟฟ้า
ตลาดคอนโดมิเนียมที่เติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างพาเหรดเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อน เพราะสามารถทำการตลาดได้ง่าย อีกทั้งยังสร้างผลกำไรดีกว่าการลงทุนในโครงการแนวราบ และรับเหมาก่อสร้าง
บริษัท พรีบิลท์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในเครือ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ เอพี อีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมทำตลาดคอนโดมิเนียมเมื่อปลายปี 2551 โดยจัดตั้งบริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด ขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลกลางเมือง และโครงการแนวราบ
ชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด(มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า โครงการแรกที่ลงทุน คือโครงการ “THE TEMPO”ร่วมฤดี ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี พื้นที่ประมาณ 300 ตารางวาเศษ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 79 ยูนิต ขนาด 35-80 ตารางเมตร ราคา 3-9 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 95,000 บาท มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท เปิดขายครั้งแรกเมื่อปลายปี 2552 และสามารถปิดการขายได้ 90% ภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10 ยูนิต จะเปิดขายอีกครั้งเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ และจะปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ 110,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว 70-80% กำหนดแล้วเสร็จในเดือนต.ค.-พ.ย.2553
การเข้าสู่ธุรกิจจัดสรร เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมานาน รวมถึงเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในนามบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด ที่พรีบิลท์ฯถือหุ้น 99.99% ทำให้มีความสามารถที่จะเป็นผู้พัฒนาโครงการเองได้ ที่สำคัญการที่บริษัทเป็นทั้งผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและก่อสร้างเอง จะทำให้มีต้นทุนการก่อสร้างต่ำกว่าคู่แข่ง และสามารถตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าคู่แข่งในบริเวณเดียวกันอีกด้วย
ชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเปิดตัวโครงการ“THE TEMPO@PHAHOLYOTHIN” พหลโยธิน ซอย2 พื้นที่ประมาณ 300 กว่าตารางวา เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น ขนาด 40-130 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3-10 ล้านบาทขึ้นไป หรือ 80,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 370 ล้านบาท โดยจะเปิดขายครั้งแรกในงาน “โฮมบายเออร์ เอ็กซ์โป 2010”ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค.2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทฯจะให้สิทธิ์ลูกค้าเก่าได้จองก่อน
การเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียม จะส่งผลดีต่อบริษัทและบริษัทในเครือ เพราะจะทำให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งโมเดลธุรกิจของเราจะคล้ายๆกับบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือPS และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN แต่จะดีกว่าตรงที่มีบริษัท พีซีเอ็มฯ รองรับธุรกิจด้วย ทำให้ลดต้นทุนการก่อสร้างได้อีก เชื่อว่าอนาคตจะหาบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้ยากขึ้น เพราะผู้รับเหมาก่อสร้างจะเข้ามาเป็นผู้ประกอบการเอง
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2554 บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะลงทุนโครงการแนวราบและแนวสูงประเภท คอนโดฯโลว์ไรส์ รวมทั้งสิ้น 3-4 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพที่ดินที่ซื้อมา ซึ่งอยู่ระหว่างหาที่ดินในย่านสีลม ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดิน สำหรับโครงการแนวราบนั้น อาจจะลงทุนโครงการในย่านบางบัวทอง ภายใต้แบรนด์ใหม่ พื้นที่ประมาณ 3-5 ไร่ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
ชัยรัตน์ กล่าวถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า ปัจจุบันมี แบกล็อก (backlog)คิดเป็นมูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท จาก 7 โครงการ อาทิ โครงการวิลล่า อโศก ของ บริษัท ทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ซึ่งได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เป็นการก่อสร้างคอนโดมิเนียม สูง 42 ชั้น มูลค่า 1,040 ล้านบาท, โรงงานแห่งที่ 1ของกลุ่มโออิชิ กรุ๊ป มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และบริษัทฯกำลังเข้าร่วมประมูลสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ในปีนี้พรีบิลท์ฯจะสามารถรับรู้รายได้เพียง 50% จากมูลค่างานรับเหมาก่อสร้าง ทั้งหมด 2,600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงจากปีที่แล้วถึง 30% ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้จากเดิมเพียง 10% ส่วนธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างในนามบริษัท พีซีเอ็มฯนั้นในปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าทั้งเครือ PREB จะสามารถรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
|