Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน1 สิงหาคม 2553
กิฟฟารีนชู “เทนชิ” รุกวัยโจ๋             
 


   
search resources

กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้, บจก.
Direct sale




“กิฟฟารีน” เร่งขยายตลาดขายตรงกลุ่มวัยรุ่น หวังเพิ่มนักธุรกิจและสินค้ากลุ่มนี้เป็น 20% ผนึกความร่วมมือ 2 ยักษ์ญี่ปุ่น “ไดโตะ-อิวาเซะ” ผลิตสินค้าวัยโจ๋ชูแบรนด์ “เทนชิ” ครึ่งปีหลังทุม 200 ล้านบาท ลุยตลาดขายตรงเต็มอัตราศึก รับยังไม่มีแผนขยายศูนย์ไลเซ่นส์เพิ่มขึ้นอีก

แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจของบริษัท พบว่า ผู้บริโภครับรู้ว่า กิฟฟารีนเป็นแบรนด์ของคนไทย และมั่นใจในสินค้าของกิฟฟารีน ว่า มีคุณภาพมากกว่า 90% แต่ในแง่ภาพลักษณ์แบรนด์นั้น มองว่าทันสมัยแค่ 70% เท่านั้น ทำให้ต้องพยายามปรับภาพลักษณ์ให้ดูสดใสมากขึ้นทั้งในแง่ของสินค้าและการทำตลาด อีกทั้งเพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ในปีหน้าของกิฟฟารีนด้วย

โดยเฉพาะการขยายตลาดไปสู่กลุ่มวัยรุ่นทั้งการหาสมาชิก นักธุรกิจ และการผลิตสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก และนักธุรกิจกิฟฟารีนที่เป็นวัยรุ่น คือ อายุ 20 ปีขึ้นไปประมาณ 15% เท่านั้น จากจำนวนสมาชิกผู้ใช้สินค้ากว่า 5.5 ล้านราย และจากนักธุรกิจจำนวน 380,000 รหัส ซึ่งส่วนใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป ตั้งเป้าเพิ่มกลุ่มวัยรุ่นเป็น 20% ส่วนสินค้าที่จับกลุ่มวัยรุ่นก็มีเพียง 15% เท่านั้นจากจำนวนกว่า 2,000 รายการ ส่วนตัวเลขยอดการซื้อของกลุ่มวัยรุ่นที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 800-1,000 บาทต่อครั้งต่อคน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายไลน์สินค้ากลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งล่าสุด ได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านวัตถุดิบของญี่ปุ่น 2 ราย คือ บริษัท ไดโตะ กับบริษัท อิวาเซะ ผลิตสินค้าสำหรับกลุ่มวัยรุ่นนี้โดยเฉพาะ ในเบื้องต้น 8 รายการ คือ อิงค์ไลเนอร์, เมคอัพ, อายคัลเลอร์, ลิปส์พาเลท, ลิปส์เจล, บีบีครีม, ครีมรองพื้น และแป้งทั่วไป โดยใช้แบรนด์ ว่า เทนชิ (TENSHI) เป็นของบริษัทเองราคาเฉลี่ย 100-600 บาท และจะมีสินค้าใหม่ออกตลาดต่อเนื่อง เริ่มขายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มียอดขายเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่สินค้าใหม่ที่จะออกในครึ่งปีหลังนี้มี 10 รายการ เป็นของกลุ่มวัยรุ่น 2-3 รายการ

สำหรับแผนการขยายศูนย์ไลเซ่นส์ ลงทุนเฉลี่ย 2-4 ล้านบาท ซึ่งเป็นศูนย์ที่ลงทุนโดยผู้ที่สนใจเปิดศูนย์บริการ ไม่มีสิทธิ์หาสมาชิก แล้วแบ่งผลกำไรร่วมกับบริษัท ขณะนี้ยังไม่ได้มีแผนขยายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากปัญหาการพัฒนาบุคลากรรองรับไม่ทัน จากปัจจุบันมี 8 ศูนย์ ขณะที่ศูนย์ของบริษัทเองมีจำนวน 100 แห่ง รวมกันเป็น 108 แห่ง ซึ่งของบริษัทจะลงทุนเฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อแห่ง จะเปิดใหม่อีกที่เชียงใหม่ปลายปีนี้ และโคราช ต้นปีหน้า เป็นต้นเป็นการขยายพื้นที่เพิ่มขั้นทั้งสองแห่ง

แพทย์หญิง นลินี กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลังนี้จะใช้งบตลาดรวมกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรุกทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ ล่าสุด ได้ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ กิฟฟารีน กิฟท์ส ฟอร์ ไลฟ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ย้ำว่า สินค้ากิฟฟารีนมีคุณภาพ และสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับชีวิตได้เป็นของขวัญที่ส่งให้กันได้ทุกวัน และมีหนังโฆษณาทางทีวีด้วย

นอกจากนั้น จะมีโรดโชว์ ใน 7 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณุโลก พัทยา สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ ส่วนในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ จะมีงานใหญ่ที่สยามพารากอนด้วย

สำหรับผลประกอบการของกิฟฟารีนช่วงครึ่งปีแรกนี้ เติบโต 8% มียอดขายรวม 2,700 ล้านบาท มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 30,000 คน โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15% อย่างไรก็ตาม มีเป้าหมายที่จะสร้างอัตราการเติบโตเฉลี่ย 12% ทุกเดือนจากนี้ไป เพื่อผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปีนี้เกือบ 5,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ทำได้ 4,640 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายเพิ่มนักธุรกิจเป็น 4 แสนรหัสสิ้นปีนี้

ขณะที่ภาพรวมของตลาดขายตรงครึ่งปีแรกนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 พบว่า ตลาดรวมยังโตอยู่เติบโตมากกว่า 14% แต่มาตกลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองช่วงไตรมาสที่สอง ขณะที่เริ่มดีขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยเฉลี่ยแล้วคาดว่าครึ่งปีแรกตลาดรวมโต 8% ขณะที่บริษัทเติบโตเฉลี่ย 10%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us