|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไมเนอร์ฟู้ด จ่อขอไลเซนส์แดรี่ควีน เพิ่มอินโดจีน หลังได้เขมรแล้ว มั่นใจศักยภาพ หลังประเดิมได้สิทธิ์ขายซับแฟรนไชส์ในไทยได้เป็นรายแรกของแดรี่ควีนทั่วโลกนอกอเมริกา บริษัทแม่พร้อมนำเป็นโมเดลต้นแบบรุกต่อประเทศอื่น ไมเนอร์ฯตั้งเป้าหมาย โตดับเบิลภายใน 5 ปีนี้ เป็น 2 พันล้านบาท และ 450 สาขา นำร่องแฟรนไชส์ภาคใต้
นายชุมพจน์ ตันติสุนทร รองกรรมการและกลุ่มผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ได้รับสิทธิ์จากทางบริษัทแม่ของแดรี่ควีนที่อเมริกา ให้ขายซับแฟรนส์ไชส์ในประเทศไทยได้ หลังจากที่ได้เจรจาเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้แดรี่ควีนในไทยเป็นประเทศแรกนอกอเมริกา ที่เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ซื้อลิขสิทธิ์จากอเมริกา และสามารถขายซับแฟรนไชส์ในไทยได้ จากปกติที่แต่ละประเทศจะดำเนินการโดยมาสเตอร์แฟรนไชส์ลงทุนรายเดียวในประเทศนั้นๆ แต่ไม่ได้ขายซับแฟรนไชส์รายย่อยต่ออีก
เนื่องจากบริษัทแม่แดรี่ควีน มั่นใจในศักยภาพของไมเนอร์ฯที่บริหารธุรกิจแฟรนไชส์ถึง 2 แบรนด์ และประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ เดอะพิซซ่าคอมปะนี และ สเวนเซ่นส์ โดยบริษัทแม่จะนำเอารูปแบบการทำงานของแดรี่ควีนในไทยเป็นโมเดลในการทำรูปแบบแฟรนไชส์รายย่อย หรือซับแฟรนไชส์ ในแต่ละประเทศต่อไป
ปัจจุบันแดรี่ควีนมีมากกว่า 6,000 สาขา ใน 20 ประเทศทั่วโลก รวมอเมริกา โดยในเอเชีย เช่น จีน บรูไน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น และบริษัทแม่เตรียมขายสิทธิ์แฟรนไชส์ให้กับพาร์ทเนอร์ต่อใน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย เป็นต้น ซึ่งไทยเป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตมากที่สุด ทำตลาดมา 14 ปี มี 230 สาขา (ไม่รวมสาขาในสนามบินทั่วประเทศไทยที่เป็นการลงทุนร่วมอีกประมาณ 30 สาขา)
ขณะที่ จีนนั้นมี 250 สาขา จาก 3 มาสเตอร์แฟรนไชส์รวมกัน ส่วนในอเมริกานั้นมีสาขามากกว่า 5,000 แห่ง เป็นแฟรนไชส์เกือบ 100% ทั้งนี้ ไมเนอร์ฯเองก็อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอินโดจีนเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่ได้รับสิทธิ์ในไทย และ เขมร อยู่แล้ว แต่เพิ่งเปิดไม่กี่แห่งที่สนามบินเท่านั้นเอง
นายชุมพจน์ กล่าวว่า การใช้รูปแบบแฟรนไชส์ ทำให้แดรี่ควีนขยายตัวได้เร็วขึ้น ตั้งเป้าหมายจะเติบโตเป็นดับเบิลจากนี้ถึงปี 2557 หรือภายใน 5 ปีจากนี้ ทั้งในแง่รายได้จาก 1,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท และในแง่ของสาขาจากขณะนี้มี 230 สาขา เพิ่มเป็น 450 สาขา แบ่งเป็นของบริษัท 150 สาขา และแฟรนไชส์ 300 สาขา ซึ่งบริษัทจะขายสิทธิ์เฉพาะต่างจังหวัด ส่วนในกรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัทจะลงทุนเองต่อเนื่อง โดยขณะนี้ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีประมาณ 105 สาขา และต่างจังหวัด 125 สาขา
สำหรับรูปแบบแฟรนไชส์ของแดรี่ควีนนั้น จากเดิมลงทุน 2.3 ล้านบาท ได้ปรับเหลือ 1.8 ล้านบาท ไม่มีค่าแรกเข้า มีค่ารอยัลตี้ฟี 5% ค่ามาร์เก็ตติ้งฟี 6% สัญญานาน 10 ปี โดยบริษัทจะให้สิทธิ์แฟรนไชส์เป็นรายเดียวครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งจะมีทั้งการเปิดสาขาใหม่กับการแปลงร้านของบริษัทเป็นของแฟรนไชส์ เน้นผู้ซื้อแฟรนไชส์คนท้องถิ่น เพราะเข้าใจตลาดในพื้นที่ดีกว่า ซึ่งแฟรนไชส์สาขาแรกเดิมจะเปิดวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่สงขลา แต่จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองจึงเลื่อนออกไป และกำหนดเปิดใหม่วันที่ 15 สิงหาคมนี้แทน
ในเบื้องต้นจะมุ่งพื้นที่ภาคใต้ก่อน เพราะเป็นพื้นที่ขายดี ปัจจุบันมีสาขาในภาคใต้มากกว่า 19 สาขา เช่น หาดใหญ่ 4 สาขา, ภูเก็ต 3 สาขา เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายว่าถึงสิ้นปีนี้ จะมีสาขารูปแบบแฟรนไชส์ในภาคใต้ได้ 30 สาขา แบ่งเป็นสาขาเปิดใหม่ 11 สาขา และสาขาที่แปลงจากบริษัทประมาณ 19 สาขา จากนี้ก็จะขยายไปเรื่อย เช่น ชุมพร ภูเก็ต เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการของแดรี่ควีนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ มีอัตราการเติบโตรวมจากสาขาเก่าและสาขาใหม่ประมาณ 15% แต่หากพิจารณาเฉพาะสาขาเก่าเติบโต 9% ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโต 8% โดยยอดใช้จ่ายต่อยิลอยู่ที่ 33 บาท เพิ่มจากเดิมที่มี 31 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งครึ่งปีแรกนี้เปิดสาขาใหม่ประมาณ 8 สาขาแล้ว ซึ่งแดรี่ควีนเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ในสัดส่วนอันดับที่สี่ของเดอะไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป ซึ่งแบรนด์ที่ทำสัดส่วนรายได้สูงสุดคือ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน และ เบอร์เกอร์คิง
|
|
|
|
|