|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*ด้วยมูลค่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่สูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้ผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศขอร่วมวงชิงแชร์
*เอส บี เฟอร์นิเจอร์ ผนึก คอนเซ็ปต์ ปิดทาง “อีเกีย”เบอร์ 1 ของโลก
*ชูกลยุทธ์ “ดาวกระจาย”ปูพรมสาขาทั่วประเทศสกัดคู่แข่ง
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีกมาก จากการเติบโตของธุรกิจบ้านจัดสรร ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเฟอร์นิเจอร์แตะหลัก 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทำให้ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตและทำตลาดเฟอร์นิเจอร์ทั้งรายเก่า รายใหม่ รายเล็ก และรายใหญ่ เร่งขยายตลาด เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อที่มีจำนวนมหาศาล รวมถึงยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “อีเกีย” ที่ประกาศว่า ในกลางปีหน้า จะเข้ามาทำตลาดในไทยแน่นอน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้บัลลังก์ผู้นำตลาดในประเทศอย่าง เอส บี เฟอร์นิเจอร์ เริ่มสั่นคลอน ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส บี เฟอร์นิเจอร์ เฮ้าส์ จำกัด จึงต้องทำงานอย่างหนัก โดยการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้ดำเนินการมานานพอสมควร เพราะรู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะรุนแรงและดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่า “อีเกีย” จะเข้ามาทำตลาดในประเทศ และศึกครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะ“อีเกีย” มีศักยภาพสูง ในการทำตลาด เห็นได้จากความสำเร็จในหลายประเทศที่เข้าไปทำตลาด จนทำให้มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก
ธัญญรักข์ เปิดเผยว่า การทำตลาดของเอส บี เฟอร์นิเจอร์ จากนี้ไป จะเป็นการทำตลาดเชิงรุก และแตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง กระบวนการทำงานทุกอย่างจะคล่องตัวและรวดเร็ว เพื่อรับมือกับคู่แข่งทุกสถานการณ์ ทั้งรายเก่า และรายใหม่ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในไทย โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ คือ กลยุทธ์ “ดาวกระจาย” ซึ่งบริษัทจะมีสาขาให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยมีศูนย์เอส บี ดีไซน์ สแควร์ ครอบคลุมทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวม 8 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ 6 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง และเดอะ มอลล์ โคราช 1 แห่ง และมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในกรุงเทพฯอีก 1 แห่ง บนพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 200-300 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปผลจะเปิดให้บริการได้ในราวกลางปี 2554
โดยมีสาขาที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนเหนือ สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ สาขา คาร์ฟู รัชดา และสาขาเอกมัย-รามอินทรา ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน สาขาโฮมโปร สุวรรณภูมิ ที่ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนใต้และตะวันออก สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่ครอบคลุมพื้นที่ตะวันตก ของกรุงเทพฯ และสำหรับต่างจังหวัดนอกจากสาขาที่ภูเก็ตแล้ว เมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดสาขาแห่งที่ 8 ที่ เดอะมอลล์ โคราช ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีประชากรเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และมีรายได้ต่อประชากรค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ อีกทั้งยังถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประตูที่เชื่อมสู่ประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม เปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เอส บี ดีไซน์ สแควร์ เป็นฐานที่ตั้งในกรุงเทพฯและในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีศักยภาพ ขณะที่ “คอนเซ็ปต์”จะเป็นหัวหอกบุกตลาดในต่างจังหวัด โดยปัจจุบันมีโชว์รูม คอนเซ็ปต์ กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 200 สาขา และมีความพร้อมที่จะขยายสาขา หากมีความต้องการสูง เพราะจากการสำรวจของบริษัท พบว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการ นอกเหนือจากมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชั่นเหมาะกับความต้องการใช้งาน ในราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ การเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายในทำเลใกล้บ้าน ที่สำคัญมีบริการครบวงจร ตั้งแต่ก่อนและหลังการขาย ซึ่งสิ่งเหล่านั้น เอส บี เฟอร์นิเจอร์มีให้ลูกค้าครบถ้วน จึงทำให้ปัจจุบันนี้ ลูกค้าจะนึก เอส บี และคอนเซ็ปต์ เมื่อต้องการจะซื้อเฟอร์นิเจอร์
ธัญญรักข์ กล่าวอีกว่า นอกจากสินค้าดี มีคุณภาพ ในราคาที่เลือกซื้อได้ง่ายแล้ว ในปลายเดือนก.ค.ถึง เดือนก.ย.นี้ บริษัทจะจัดแคมเปญใหญ่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ “คอนเซ็ปต์”เฟอร์นิเจอร์ภายใต้แคมเปญ“ลดทั้งร้าน” โดยจะนำสินค้ามาลดราคาสูงสุดถึง 70% ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมาก โดยตั้งเป้ายอดขายเฉพาะแคมเปญนี้ไว้ที่ 200 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดนั้น “เอส บี เฟอร์นิเจอร์’”จะสานต่อกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก โดยเน้นการสื่อสารการตลาดที่สร้างความแตกต่างและครบวงจร โดยการเลือก ‘หมิว-ลลิตา ศศิประภา และครอบครัว’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เพราะหมิวมีความโดดเด่นในทุกด้าน ประกอบกับภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยม ต้องการหาไอเดียการแต่งบ้าน และตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัวทั้งสามี และลูกๆ ในวัยซนได้ดี ซึ่งสิ่งที่ครอบครัวหมิวได้ถ่ายทอดนั้นตรงกับภาพลักษณ์ที่บริษัทต้องการสื่อสารเป็นอย่างดี
ภาพยนตร์โฆษณาจะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านครอบครัวหมิว เมื่อเดินเข้ามาใน เอส บี ดีไซน์ สแควร์ แล้วจะพบว่าเกิดไอเดียใหม่ๆ ในการตกแต่งบ้าน ซึ่งนำเสนอผ่านภาพ Room Setting และ Furniture Set ที่มีขึ้นมามากมายไม่รู้จบ เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ และความเป็นศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์นับหมื่นดีไซน์ กว่าล้านไอเดีย
สำหรับผลการดำเนินงานในปีกที่ผ่านมา มียอดขาย 4,600 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตขึ้น 10% คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นเพียง 7-8% เท่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปิดล้อมราชประสงค์ ทำให้ต้องปิดสาขาที่เซ็นทรัล เวิล์ดมาตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยอดขายหายไปประมาณ 100 ล้านบาท
|
|
|
|
|