“โออิชิ” ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 มุ่งสู่ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น ชูนวัตกรรมใหม่ๆ เดินหน้าขยายไลน์การผลิตเพิ่ม ล่าสุด ทุ่มอีก 1,063 ล้านบาท เพิ่มไลน์การผลิตกล่องยูเอชที คาด ดำเนินการได้ เม.ย.ปีหน้า มั่นใจสิ้นปีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จาก 8,400 ล้านบาทจากปีก่อน
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของโออิชิ ในช่วงก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 หลังจากนี้ จะเน้นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ ที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่เรื่องของการทำการตลาดที่จะมุ่งสู่เรื่องของออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง มากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ต้องนำเอาเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา อันจะทำให้องค์กรก้าวสู่ความก้าวหน้าต่อไป
ทั้งนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โออิชิได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 บริษัทมีผลประกอบการรวมกว่า 8,400 ล้านบาท ซึ่งมองว่าตลาดชาเขียวยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ส่งผลให้สิ้นปีนี้ ทางบริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นอีก 20% จากปัจจุบัน โออิชิ กรีนที มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 63% จากตลาดรวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
ทางบริษัทยังพร้อมลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุด ได้ทุ่มงบกว่า 1,063 ล้านบาท ในการขยายไลน์การผลิตกล่องยูเอชที ที่โรงงานนวนคร ประกอบไปด้วย ที่ดิน อาคาร สายการผลิต 4 สาย ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ขนาด 250 มล.จำนวน 3 สาย, ขนาด 1,000 มล.จำนวน 1 สาย หรือรวมแล้วจะมีกำลังการผลิตบรรจุขนาด 250 มล.ที่ 435 ล้านกล่องต่อปี และสายการผลิตบรรจุขนาด 1,000 มล.ที่ 42 ล้านกล่องต่อปี โดยจะสามารถดำเนินการผลิตได้ในเดือน เม.ย.ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทางบริษัทได้มีการขยายเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมล่าสุดจากบริษัท ชิบูย่า โคเงียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ ในลักษณะของโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งที่สาม ต่อจากสองโรงงานที่ดำเนินการผลิต ณ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และอมตะนคร ตามลำดับ มูลค่าโครงการกว่า 1,430 ล้านบาท ซึ่งนวัตกรรมใหม่นี้ ช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนได้ประมาณปีละ 88 ล้านบาทด้วย ที่สำคัญ จะช่วยให้สามารถผลิตเครื่องดื่มชาเขียวได้เพิ่มขึ้นอีก 50% จากกำลังการผลิตเดิม
นายตัน กล่าวต่อว่า ปีนี้ถือเป็นปีสุดท้ายที่จะจัดแคมเปญ “ไปแต่ตัว ทัวร์ยกแก๊งค์” ซึ่งปีหน้าจะมีความพิเศษในการจัดแคมเปญใหม่ๆ ออกมาแทนที่ เพราะการที่ยังจัดแคมเปญในรูปแบบเดิม มองว่า เป็นการย่ำอยู่กับที่ และทำให้ไม่เกิดการพัฒนาและความก้าวหน้าาของการดำเนินธุรกิจนั่นเอง
|