พลโทชวลิต ยงใจยุทธ เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2475 ปีเดียวกับที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและก็เป็นปีเกิดปีเดียวกับ
พลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ โดยอายุมากกว่ากันเพียงเดือนเศษๆ แต่เรียน จปร. ห่างกัน
1 ปี
พลโทชวลิตเข้าเรียนโรงเรียนอำนวยศิลป์พระนคร รุ่นเดียวกับพลโทวันชัย
เรืองตระกูล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกคนปัจจุบัน และหอบหิ้วกันเข้าไปเรียนโรงเรียนนายร้อย
จปร. จนสำเร็จออกมาพร้อมกันอีกในปี 2497
เป็นนักเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 1
ถ้าพูดถึงเพื่อนร่วมรุ่น (จปร. 1) ก็มีเช่น พลโทวันชัย เรืองตระกูล พลโทสุนทร
คงสมพงษ์ ผบ.นสศ. พลตรีปัญญา สิงห์ศักดา รองแม่ทัพภาคที่ 1 พลตรีชัยชนะ ธารีฉัตร
รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพลตรีสมคิด จงพยุหะ รองแม่ทัพภาคที่ 3 อีกเหมือนกัน
เป็นต้น
จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. แล้ว พลโทชวลิตเคยเข้าศึกษาต่อหลักสูตรชั้น
ผบ.พันสื่อสารรุ่นที่ 5 เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกในรุ่นที่ 42 เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกาที่ฟอร์ทลีเวนเวิทธ์
ประเทศสหรัฐอเมริกา
พลโทชวลิตผ่านตำแหน่งสำคัญๆ มาแล้วในอดีต อาทิ ตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก
315 (หน.ศปก.ทบ. 315) ตำแหน่งนายทหารคนสนิทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อ
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก
ปี 2525 ก้าวจากตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบกยศพลตรีมากินตำแหน่งพลโทเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ
ปี 2526 ก้าวอีกขั้นเป็นรองเสนาธิการทหารบก ส่วนตำแหน่งสำคัญด้านอื่นก็คือตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และตำแหน่งวุฒิสมาชิก
เป็นผู้ริเริ่มการใช้กำลังกึ่งทหารที่เรียกกันว่า “อาสาสมัครทหารพราน”
มาตั้งแต่ปี 2522 และเป็นนายทหารคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการร่างและผลักดันคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่
66/2523 เรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ โดยเสนอหลักการขยายเสรีภาพและแนวทางการต่อสู้อย่างสันติวิธี ซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก
เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีมันสมองยอดเยี่ยม เป็นอัจฉริยะแทบจะทุกด้าน
จนได้รับฉายาว่าสมอง “คอมพิวเตอร์” บ้าง “มันสมอง” ของกองทัพบกยุคปัจจุบันบ้าง
สุดแท้แต่จะชมกันอย่างไร ส่วนฉายาที่ไม่ใช่คำชมนั้นก็มีอยู่หลายฉายาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นฉายาไหน ดูเหมือนว่าฉายาที่ติดปากมากที่สุดก็คือ “"บิ๊กจิ๋ว”
“บิ๊กจิ๋ว” เป็นฉายาที่พลโทชวลิตได้รับการยัดเยียดให้ตั้งแต่ครั้งที่ยังมียศพลตรีตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก
เหตุที่ได้รับฉายาเช่นนี้ก็เพราะเจ้าตัวมีชื่อเล่นว่า “จิ๋ว”
และบังเอิญนายทหารที่ทำงานอยู่ใน ศปก.ทบ. ที่ทำงานเดียวกันมีอีกในหนึ่งยศพันเอกชื่อเล่น
“จิ๋ว” เหมือนกัน
พลตรี “จิ๋ว” ก็เลยต้องเรียกกันในหมู่ จปร.รุ่นน้องและลามเลยไปถึงรุ่นพี่ๆ
ด้วยว่า “บิ๊กจิ๋ว” ส่วนอีก “จิ๋ว” จะเป็น “ลิตเติ้ลจิ๋ว”
หรือจะ “จิ๋ว” เฉยๆ ก็เรียกกันไป
บังเอิญ “จิ๋ว” คนนี้มีบทบาทกว้างขวางมากในช่วงนั้น และก็มีทีท่าว่าจะจำเริญก้าวหน้าต่อไปในกองทัพบกหรืออาจจะเป็นในวงการเมืองต่อไปด้วยก็ไม่แน่
ฉายา “บิ๊กจิ๋ว” ในความหมายหนึ่งก็เลยกลายเป็นความเหมาะสมในอีกความหมายหนึ่งไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นจึงมี “บิ๊ก” อีกหลาย “บิ๊ก” ตามกันมาเป็นพรวนด้วยประการฉะนี้
มีความเป็นไปได้มากที่ในเดือนตุลาคม 2528 นี้พลโทชวลิตจะก้าวขึ้นไปติดยศพลเอกในตำแหน่งเสนาธิการทหารบก