“บิ๊กเสือ” หรือพลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม
2475 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7 คนของจวน กุลละวณิชย์ มีบ้านเดิมอยู่แปดริ้ว
ฉะเชิงเทรา บ้านเดียวกับอดีตประธานสภาที่ชื่อประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานธนาคารกรุงเทพ
และเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อพลโทพิจิตรด้วย
พลโทพิจิตรจบมัธยม 6 จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เข้าเรียนเตรียมนายร้อยเมื่อปี
2490 และเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. เมื่อปี 2492 เป็นนักเรียนนายร้อย
จปร.รุ่นที่ 2 ตามหลักสูตรใหม่ที่เรียกว่า หลักสูตรเวสต์ปอยต์
เป็นรุ่นน้องพลโทชวลิต ยงใจยุทธ หรือ “บิ๊กจิ๋ว” หนึ่งรุ่น
เผอิญขณะที่เรียนอยู่ปีที่ 2 นั้นมีผลการเรียนดีเด่นมาก ก็เลยถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์
ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งชื่อวิจิตร สุขมาก
(ปัจจุบันติดยศพลตรี)
สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ในปี 2501 จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนทหารราบสหรัฐฯ
ฟอร์ดเบนนิ่ง รัฐจอร์เจีย ในหลักสูตรผู้บังคับหมวด, หลักสูตรจู่โจม RANGER
และหลักสูตรโดดร่ม AIRBONE
เมื่อกลับมาได้เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นครูอยู่แผนกวิชาการรบพิเศษและส่งทางอากาศ
โรงเรียนทหารราบศูนย์การทหารราบลพบุรี ทำหน้าที่ฝึกสอนนายทหารและนายสิบในหลักสูตรจู่โจมและโดดร่มหลายรุ่นและจากการสอนหลักสูตรจู่โจมอันเข้มข้นนี่เองทำให้ได้รับสมญานามว่า
“เสือใหญ่” ตาม LOGO ของ RANGER มาตั้งแต่นั้น
ระหว่างปี 2504-2505 ไปเรียนหลักสูตร ผบ.พัน ที่ฟอร์ดเบนนิ่ง แล้วกลับมาเป็นนายทหารยุทธการและการฝึกของกองพันทางอากาศที่
1 (ร.31 พัน 3 รอ. ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นกองพันส่งทางอากาศกองพันแรกของกองทัพบก
ปี 2508 - 2509 เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
จบจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกก็ย้ายไปรับตำแหน่งเป็นหัวหน้ายุทธการและการฝึก
ศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี หลังจากนี้ก็เดินทางไปร่วมรบที่ประเทศเวียดนามกับกรมทหารอาสาสมัครจงอางศึก
มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้ายุทธการและหัวหน้ายุทธการตามลำดับ
ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้ายุทธการในเวียดนามนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ายุทธการก็คือ
พลโทชวลิต ยงใจยุทธ
ต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการหัวหน้ายุทธการในเวียดนามนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ายุทธการก็คือ
พลโทชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ช่วย และ พลตรีสิทธิ จิรโรจน์ เป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก
(ยศขณะนั้นทุกท่าน)
จากนั้นไปปฏิบัติราชการพิเศษในประเทศลาว ตำแหน่งรองผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษเฉพาะกิจราทิกุลอยู่
1 ปี คือระหว่างปี 2514-2515 และเป็นผู้บังคับการหน่วยเดียวกันนี้จนถึงปี
2517
เมื่อกลับจากราชการพิเศษในประเทศลาว ก็เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากองยุทธการ
กรมยุทธการทหารบก
ในปี 2521-2523 เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 4
ต้นปี 2523 เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4
กลางปี 2524 เป็น ผบ.พล 1 รอ
ปี 2526 เป็นรองแม่ทัพภาค 1 และรักษาราชการเป็น ผบ.พล 1 รอ.ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง
เดือนตุลาคม 2527 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่
1
และเดือนตุลาคม 2527 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่
1
และเดือนเมษายน 2529 นี้ มีความแน่นอนค่อนข้างมากที่จะได้ติดยศพลเอกในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
ส่วนว่าจะได้ควบตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยหรือไม่นั้น “โน คอมเม้นต์”