วันนั้นบุญชู (ไม่ใช่วังกานนท์) กับประสิทธิ์ (ไม่ใช่จิตที่พึ่ง) และวิโรจน์
(ไม่ใช่เสือมา) ได้โคจรมาพบกันในงานสมาคมศิษย์เก่าจีบ้า ซึ่งจัดการอภิปรายขึ้นที่ดุสิตธานี
ในหัวข้อของ “กลยุทธ์ธุรกิจเหนือวิกฤตการณ์ปัจจุบัน” โดยมี ทินวัฒน์
มฤคพิทักษ์ เป็นผู้ดำเนินการอภิปรายแทนมีชัย วีระไวทยะ ซึ่งขอตัวไม่มา เพราะกำลังทำพิธีทางศาสนาคริสต์เนื่องจากมารดาเสีย
การอภิปรายวันนั้นเผ็ดร้อนพอสมควร เพราะบุญชู โรจนเสถียร เองก็ไม่เคยบันยะบันยังกับคณะรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาวะเศรษฐกิจ
ประสิทธิ์ ณรงค์เดช ก็ไม่ใช่ย่อย ต่อยเป็นชุดด้วยตัวเลขข้อมูลรวมทั้งการสอนมวยในการทำงานให้คณะรัฐบาลเสียอีก
คนที่ค่อนข้างจะอึดอัดมากพอดูคือ วิโรจน์ ภู่ตระกูล ซึ่งในฐานะที่เป็นตัวแทนลีเวอร์
(ประเทศไทย) ถ้าจะเต้นไปตามเพลงก็คงกลัวจะมีผลกระทบกระเทือนกับบริษัทตัวเองก็เลยออกมาในแง่บวก
บุญชูบอกว่าถึงภาวการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าบริหารงานเป็นเสียอย่าง
รู้จักจัดการกับเรื่องเร่งด่วนและทำงานแก้ไขให้ถูกจุดมันก็จะไม่เลวร้ายไปถึงขนาดนั้นหรอก
นอกจากนั้นแล้วบุญชูยังบอกว่าการที่มาโทษว่าที่ประเทศติดลบมากๆ นั้นเป็นเพราะยุคสมัยเขาใช้เงินเกินตัวเป็นการพูดโดยไม่รู้ความจริง บุญชูตบท้ายอย่างท้าทายว่า
“น่าจะมีการจัดการอภิปรายโต้กันเรื่องนี้ให้มันชัดเจนไปเสียทีจะได้รู้ว่าไอ้ที่ติดลบมากๆ
นั้นเป็นเพราะใคร”
สำหรับประสิทธิ์ ณรงค์เดช นั้นเชื่อว่าการเรียกร้องให้มีการส่งออกอย่างมากๆ
นั้น ทุกคนทั่วโลกเขาก็ทำอยู่แล้ว และชาวบ้านเขาทำดีกว่าเราทั้งภาคเอกชนกับรัฐบาลก็ร่วมมือกันดีไม่เหมือนของเราที่รัฐบาลปากบอกให้เร่งส่งออก
แต่การกระทำก็ยังเหมือนเดิมที่เป็นอุปสรรคกับภาคเอกชน
ประสิทธิ์ ณรงค์เดช เชื่อว่าการพัฒนาบริหารกระตุ้นทำให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นหนทางที่ทำได้
แต่ก็อุบไว้ไม่บอกว่าจะทำอย่างไร
วิโรจน์ ภู่ตระกูล นั้นเหมือนนกรู้ ก็บอกเป็นปริศนาไปว่า ที่ว่าไม่ดีนั้นมันไม่ดีจริงทั้งหมดหรือเปล่า
หรืออาจมีบางส่วนยังดีอยู่ ส่วนในฐานะที่เขาเป็นนักบริหารมืออาชีพไม่ว่าภาวการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนมันก็ต้องหาทางออกให้ดีที่สุด
ที่เข้าฟังวันนั้นก็แน่นขนัดจนต้องเสริมที่นั่งและรู้สึกว่าบรรยากาศจะครึกครื้นเฮฮาถ้ามีการตำหนิรัฐบาลว่าทำงานไม่เป็น
ส่วนคนดังในวงการที่เข้าไปฟังก็มี ดร.อำนวย วีรวรรณ แห่งธนาคารกรุงเทพ สุนทร
อรุณานนท์ชัย แห่งสินเอเซีย กำธน สินธุวานนท์ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็มานั่งฟังในฐานะเป็นกรรมการของจีบ้าด้วย
รายการยำใหญ่เริ่มเมื่อบ่ายสองโมงเย็น ไปจนเอาตะวันใกล้จะตกดินเมื่อหาโมงเย็น
ก็คงจะมีการยำต่อไปอีกในอนาคตแน่ๆ เพราะบรรยากาศเศรษฐกิจมันช่างอึมครึมเหลือเกิน