ฉากที่หนึ่ง
เกยูร ลิ่มทอง คงจะยังไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเป็นแน่ว่ามันได้เกิดอะไรขึ้นกับการเลือกตั้งกรรมการสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทยเมื่อคืนวันที่
22 มีนาคม 2528 ที่คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา
เขาเป็นข้าราชการ มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นนายกสมาคมนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
นานนับ 10 ปีมาแล้ว และเป็นเรื่อยมาทุกสมัยไม่เคยว่างเว้น
เดือนกันยายน 2528 จะเป็นเดือนที่เขาครบเกษียณอายุราชการ เขาคิดอย่างเข้าข้างตัวเองว่า
ทุกคนในวงการคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะที่เป็นสมาชิกของสมาคม น่าจะให้เกียรติเขาอีกสักครั้ง
ถือเป็นบำเหน็จรางวัลหลังเกษียณ โดยเลือกเขาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอีกหนึ่งเทอม ระยะเวลา
2 ปี เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ปลุกปั้นสมาคมคอมพิวเตอร์มากับมือ นับแต่สมาคมแบเบาะจนจะย่างเข้าวัยแรกรุ่นในวันนี้แล้ว
เกยูรคงจะยังไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งอยู่ดีว่า มันได้เกิดอะไรขึ้นในคืนวันเลือกตั้ง
คืนที่สมาชิกทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่มาประชุมกันเป็นจำนวนนับพันคนอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน
เขาทราบเพียงว่า ชั่วหันหลังนิดเดียวก็มีมีดเสียบเข้าไปแล้วที่กลางหลัง
และสิ่งที่ติดตามมาก็คือ เขาต้องพลาดหมดทุกตำแหน่งจากผลการเลือกตั้งคืนนั้น
เขาเห็นอยู่เหมือนกันว่า ใครเป็นเจ้าของมีดบินลับเล่มนั้น แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปโวยวายให้คนนอกได้ยินว่า
คนคนนั้นเป็นมือขวาที่เขาไว้ใจมาก
เขาอยากจะหาคำตอบเท่านั้นแหละว่า มันเกิดอะไรขึ้นเรื่องถึงลงเอยแบบนี้
เกยูร ลิ่มทอง ต้องการทราบเพียงเท่านั้นจริงๆ
ฉากที่สอง
เขาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทขายคอมพิวเตอร์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในตลาดพอสมควร
เมื่อ 2 ปีเศษที่แล้ว เขากับเพื่อนๆ ร่วมอาชีพได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นกลุ่มผู้ขายคอมพิวเตอร์ขึ้น
เป้าหมายนั้นก็เพื่อช่วยกันรณรงค์ให้เกิดประโยชน์ในทุกๆ ด้านแก่วงการ และในขณะเดียวกันก็เป็นดุลถ่วงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไอบีเอ็มพร้อมๆ
ไปด้วย
ไม่ช้านานต่อมาพวกเขาจำนวนหนึ่งไม่น้อยกว่า 6 คน ก็ได้รับเลือกเข้าไปนั่งเป็นกรรมการในสมาคมคอมพิวเตอร์
ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของสมาคมที่มีตัวแทนจากผู้ขายเข้าไปมีที่นั่งอยู่เกือบครึ่งจากจำนวนที่นั่งกรรมการสมาคม
15 ที่นั่ง
และมีกรรมการ 1 คนจากไอบีเอ็ม ซึ่งกลุ่มผู้ขายเหล่านี้เว้นที่นั่งไว้ให้
การเลือกตั้งครั้งนั้นกระทำขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีสมาชิกไปลงคะแนนกว่า
500 คน เป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสมาคม เพราะปกติทุกปีก็จะมีสมาชิกมาเลือกตั้งกันแค่ไม่เกิน
200 คนเป็นอย่างเก่ง
กรรมการชุดใหม่จากผลการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2526 นี้มีบทบาทนับว่าเข้มข้นใช้ได้
โดยเฉพาะมีผลงานด้านเปิดที่เด่นมาก คือการจัดงานคอมพิวเตอร์ไทย 2 ครั้ง ประจำปี
2527 และ 2528 ส่วนงานด้านปิดคือ การเปิดฝึกอบรมด้านคอมพิวเตอร์ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงเช่นกัน
ครั้นเมื่อครบกำหนดที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการชุดนี้จึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อวันที่
22 มีนาคม ที่ผ่านมา
เขาผู้เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทขายคอมพิวเตอร์คนนี้ก็จัดแจงซาวเสียงสมาชิกจากทุกๆ
กลุ่ม เพื่อจัดทำโพยสำหรับการเลือกตั้ง
โพยซึ่งได้รับเสียงเออออจากหลายๆ กลุ่มนั้นก็ถูกวางกันไว้ในเวลาต่อมาว่า
สำหรับฝ่ายข้าราชการและนักวิชาการก็ควรจะเลือกเกยูร ลิ่มทอง, ทวีศักดิ์
ทังสุพานิช, ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา, ดร.นิตยา กาญจนวรรณ, ดร.อุดม วโรตม์สิกขติตถ์,
วิชิต ปุณวัฒน์, กิตติเทพ กาญจนวดี และเว้นว่างไว้อีกหนึ่งที่นั่งเพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเป็นใคร
ตามโพยสายข้าราชการและนักวิชาการนี้นอกจากวิชิต ปุณวัฒน์ จากกระทรวงพาณิชย์และ
กิตติเทพ กาญจนวดี จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแล้ว ก็ล้วนแต่เป็นกรรมการเดิมทั้งนั้น
ส่วนสายภาคเอกชนก็กำหนดตัวไว้ในโพยว่า จะประกอบด้วย อนุวัฒน์ วนานุเวชพงศ์
จากบางกอกดาต้าเซ็นเตอร์ ธวัช ปุณยกนก จากกนกสิน เอ็กซ์ปอร์ด-อิมปอร์ต สุธรรม
นิ่มพิทักษ์พงศ์ จากเอ็นซีอาร์ เคี่ยนหงวน อมร ถาวรมาศ จากซัมมิทคอมพิวเตอร์
มนู อรดีดลเชษฐ์ จากดาต้าแมท นิมิต หมดราคี จากไอบีเอ็ม และสนิท ศักดิ์เสรี
จากดิจิตอล ดาต้า
นิมิต หมดราคี จากไอบีเอ็ม เป็นกรรมการหน้าใหม่ซึ่งจะเข้ามาในโควตาของไอบีเอ็มแทนคนเก่า
ส่วนสนิท ศักดิ์เสรี จะเข้ามาแทนดิลก กรรมการชุดเดิมที่ปีนี้ขอถอนตัว
นอกนั้นก็หน้าเก่าอีกเหมือนกัน
ก่อนวันเลือกตั้งอีกไม่กี่วัน โควตาของสายข้าราชการในที่นั่งที่ว่าง ทวีศักดิ์
ทังสุพานิช ก็เป็นคนเสนอว่าควรจะเป็นของ ดร.บุญรอด บิณฑสันห์ ปรากฏว่าไม่มีกลุ่มใดคัดค้าน
โพยก็คลอดออกมาเรียบร้อย
แต่เมื่อใกล้วันเลือกตั้งเข้ามาเรื่อยๆ เขาผู้ทำหน้าที่ประสานทุกฝ่ายเพื่อจัดทำโพย
ก็เริ่มจะแน่ใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าได้เกิดโพยซ้อนโพยขึ้นแล้วอีกอย่างน้อยก็โพยหนึ่ง
เป็นโพยที่ฝ่ายราชการตัดเกยูร ลิ่มทอง ทิ้ง ส่วนฝ่ายเอกชนจะไม่มีกรรมการชุดเก่าจากกลุ่มผู้ขายคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
จะมีก็แต่จากไอบีเอ็มและไอบีเอ็ม!!!!!!!!!
ฉากที่สาม
คืนนั้นเขารู้อยู่เต็มอกว่าในจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 1,024 คนนั้นเป็นคนของเขาโดยตรงไม่น้อยกว่า
367 คน
เขาไม่รู้อยู่เต็มอกได้อย่างไร ก็ค่าบำรุงหัวละ 110 บาทนั้น เขาเซ็นเช็คจ่ายอยู่กับมือนี่นา
ความเชื่อมั่นที่ว่ากลุ่มเขาจะได้รับการเลือกตั้งเข้าไปเป็นกรรมการสมาคมจึงค่อนข้างสูง
เพียงแต่เขาคงไม่ต้องเปิดตัวลงสมัครเข้าแข่งเองหรอก เขายืนหนุนอยู่ข้างหลังมันก็ดีหมดอยู่แล้ว
เขาเป็นข้าราชการแต่งเครื่องแบบคนหนึ่ง สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาเอกจากสหรัฐฯ
และเขาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ตามกลยุทธ์ตลาดใหม่เอี่ยมอ่องถอดด้าม
ของบริษัทสาขาซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันแพร่หลายมากในโลก
การก้าวเข้ามาขายคอมพิวเตอร์ของเขาถูกโจมตีจากคู่แข่งในตลาดอยู่เรื่อยๆ
ทุกคนหาว่าเขาเป็นเสือนอนกินไม่ใช่มืออาชีพด้านนี้ ถ้าไม่มีบารมีและชื่อเสียงของสินค้าที่เขาขายอยู่แล้ว
เขาก็จะไม่มีวันอ้าขาผวาปีกในวงการนี้ได้อย่างเด็ดขาด
เขาแค้นและเจ็บใจมากที่โจมตีไม่ยอมให้ผุดเกิดกันเลย และเขาต้องการอย่างยิ่งที่จะลบรอยแค้นนี้
และพร้อมกันนั้นวงการต้องให้การยอมรับเขาด้วย
ทางหนึ่งที่เขาคิดได้ก็เห็นจะเป็นการก้าวเข้าไปมีบทบาทในสมาคมคอมพิวเตอร์นี่แหละ
เขาจะเข้าไป และจะเขี่ยทุกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งของเขา
ฉากสุดท้าย
การเลือกตั้งครั้งนี้ออกจะเป็นการเลือกตั้งที่ทุลักทุเลอย่างยิ่ง
เกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง กรรมการสมาคมตระเตรียมกันว่าน่าจะมีสมาชิกมาร่วมประชุมเพื่อเลือกกรรมการชุดใหม่อย่างมากก็คงไม่เกิน
500 คน
สถานที่จึงตกลงใช้ที่ห้องวิภาวดี โรงแรมไฮแอทเซ็นทรัล
สาเหตุที่ประเมินว่าน่าจะมีสมาชิกมาประชุมอย่างมากก็ไม่เกิน
500 คนนั้นก็เพราะสมาคมมีสมาชิกเก่าที่ชำระเงินต่ออายุเรียบร้อยแล้วจากจำนวน
500 กว่าคนเพียง 350 คน และมีสมาชิกสมัครใหม่ในงานคอมพิวเตอร์ไทยประจำปี
2528 อีก 323 คนเท่านั้น
สมาชิกที่สมัครใหม่นี้มาจากกลุ่มสหวิริยาฯ 70 คน แมนกรุพผู้จัดนิทรรศการคอมพิวเตอร์ไทย
2528 อีก 30 คน นอกนั้นมาจากหน่วยงานอื่นๆ คละๆ กันไป
วันที่ 18 มีนาคม มีคนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตสมัครเข้ามารวดเดียว 50 คน ถึงตรงนี้กรรมการสมาคมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า
จะมีคนมาร่วมงานสักเท่าไหร่แน่?
จนวันที่ 21 มีนาคมก่อนการเลือกตั้งเพียงวันเดียว ก็มีสมาชิกสมัครใหม่เข้ามาอีก
583 ราย เมื่อรวมทั้งสมาชิกเก่าใหม่แล้วก็ปรากฏว่าสมาคมมีสมาชิกที่พร้อมจะลงคะแนนเลือกกรรมการได้ทั้งสิ้น
1,306 คน
ถึงตรงนี้กรรมการสมาคมต้องตัดสินใจย้ายสถานที่ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์แทนและสั่งอาหารเพิ่มสำหรับแขกจำนวนอย่างน้อย
1,000 คน
นับว่าแก้สถานการณ์ไปได้อย่างหวุดหวิด
สำหรับสมาชิกใหม่ที่ทยอยกันเข้ามาสมัครเข้ามาในช่วงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งนั้นพอจะแยกเป็นกลุ่มได้อย่างนี้
กลุ่มผู้ขายคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นกรรมการชุดเดิมที่กำลังจะพ้นวาระ 174 คน
กลุ่มสหวิริยาฯ 77 คน กลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิต 72 คน สำนักงานสถิติแห่งชาติ
30 คน
กลุ่มค้าสากลซิเมนต์ไทยและกลุ่มคอมพิวเตอร์ยูเนียน 2 ตัวแทนจำหน่ายเครื่องไอบีเอ็มพีซี
62 คน
การรถไฟแห่งประเทศไทย 29 คน องค์การโทรศัพท์ 103 คน การสื่อสาร 24 คน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
23 คน กรมทางหลวง 96 คน กรมตำรวจ 77 คน
และไอบีเอ็ม 46 คน
นอกนั้นก็เป็นกลุ่มเล็กๆ มีจำนวนกลุ่มละไม่เกิน 10 คน อีกหลายสิบกลุ่ม
ลองดูจากผลการเลือกตั้งเอาเองก็แล้วกันว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นชัยชนะของกลุ่มไหน?