ในปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาซึ่งดำเนินงานโดยเอกชนสามารถเปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง
(ปวส.) ไปจนถึงระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในบางสาขาวิชานั้น เพิ่งจะมีจำนวนเพียง
17 แห่ง
นับว่าเป็นจำนวนที่น้อยกว่าอาบอบนวดหลายสิบเท่าตัวทีเดียว
จาก 17 แห่งนี้ เปิดทำการสอนแล้ว 12 แห่ง ส่วนอีก 5 แห่ง อันได้แก่วิทยาลัยคริสเตียนของโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ซึ่งจะเปิดสอนสาขาพยาบาลระดับปริญญาตรี
วิทยาลัยวงศ์ชวลิตกุลที่จังหวัดนครราชสีมา วิทยาลัยศรีโสภนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ร้อยเอ็ดวิทยาลัยที่จังหวัดร้อยเอ็ด และวิทยาลัยรังสิตที่จังหวัดปทุมธานี
ยังคงอยู่ระหว่างเตรียมการ
เพราะเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้จัดตั้งจากทบวงมหาวิทยาลัยในช่วงระหว่างปี 2526
ถึงต้นปี 2528 นี้เอง
สำหรับอีก 12 แห่งที่เปิดทำการสอนแล้วนั้น สภาพโดยทั่วไปก็เป็นดังนี้
วิทยาลัยกรุงเทพ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2513
ยกวิทยฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปี 2528 มี เจริญ คันธวงศ์ เป็นอธิการบดี
จำนวนนักศึกษา 5,067 คน อาจารย์ทั้งที่ประจำและอาจารย์พิเศษ จำนวน 225 คน
เปิดสอนคณะบัญชี บริหารธุรกิจ และนิเทศศาสตร์ ระดับปริญญาตรี
วิทยาลัยกรุงเทพ ก่อตั้งขึ้นโดย สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ เจ้าของบริษัท
โอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) ร่วมกับเจริญ คันธวงศ์
วิทยาลัยเกริก ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2513 พร้อมกับวิทยาลัยกรุงเทพ
ยกวิทยฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปี 2528 เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมี
เบ็ญจา ปิยสิรานนท์ เป็นอธิการบดี จำนวนนักศึกษา 2,326 คน อาจารย์ 176 คน
เปิดสอนคณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ (การเงินการธนาคาร) และคณะศิลปศาสตร์
(สังคมศาสตร์, ภาษาอังกฤษ) ระดับปริญญาตรี
วิทยาลัยเกริก พัฒนาตัวเองขึ้นมาจากโรงเรียนกวดวิชา ก่อตั้งโดยอาจารย์เกริก
ปิยสิรานนท์
วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งรุ่นเดียวกับวิทยาลัยกรุงเทพและวิทยาลัยเกริก
และยกวิทยะฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วเช่นกัน มีไสว สุทธิพิทักษ์
เป็นอธิการบดี จำนวนนักศึกษา 4,859 คน อาจารย์ 160 คน เปิดสอนคณะบริหารธุรกิจ
บัญชี เศรษฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ระดับปริญญาตรี
จะเริ่มเปิดหลักสูตรปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจในปีการศึกษา 2529 เป็นต้นไป
ธุรกิจบัณฑิตก่อตั้งโดยไสว สุทธิพิทักษ์ ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่ง ไสว สุทธิพิทักษ์
ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการโรงเรียนกวดวิชาในอดีตเช่นเดียวกับอาจารย์เกริก
วิทยาลัยศรีปทุม ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2513
เป็นรุ่นบุกเบิกอีกแห่งหนึ่งเช่นเดียวกับ 3 แห่งข้างต้น ปัจจุบันมี ประสิทธิ์
สุนทโรทก เป็นอธิการจำนวนนักศึกษา 4,285 คน อาจารย์ 73 คน เปิดสอนคณะโปลีเทคนิค
(สาขาช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างยนต์ ช่างอิเล็กทรอนิกส์)ในระดับ
ปวส. คณะบริหารธุรกิจในระดับ ปวส. และระดับปริญญาตรีบางสาขาและคณะนิติศาสตร์
ระดับปริญญาตรี
วิทยาลัยศรีปทุมเริ่มต้นโดยอาศัยโรงเรียนช่างกลไทยสุริยะเป็นพื้นฐาน ผู้ก่อตั้งคือ
ประสิทธิ์ สุนทโรทก
วิทยาลัยหอการค้า ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2513
ยกวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปี 2528 มีปัจจัย บุนนาค เป็นอธิการบดี
จำนวนนักศึกษา 4,885 คน อาจารย์ 374 คน เปิดสอนคณะบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
ระดับปริญญาตรี
ก่อตั้งโดยหอการค้าไทย
วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่
16 มิถุนายน 2515 มีภราดาประทีป ม.โกมลมาศ เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 3,098
คน อาจารย์ 141 คน เปิดสอนระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจในสาขาการตลาด
การบริหารทั่วไป การเงินการธนาคาร การบัญชี และคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ เป็นกิจการหนึ่งในเครือของคริสตจักรอัสสัมชัญ
วิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม
2516 ยืน ปาระเคน เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 2,220 คน อาจารย์ 110 คน เปิดสอนระดับ ปวส.
คณะเทคโนโลยีอุสาหกรรม ระดับ ปวส. และปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ
ก่อตั้งโดยยืน ปาระเคน
วิทยาลัยเทคนิคสยาม ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน
2516 มีพรชัย มงคลวนิช เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 4,029 คน อาจารย์ 159
คน เปิดสอนคณะวิศวกรรมศาสตร์ระดับ ปวส. คณะบริหารธุรกิจระดับ ปวส. และระดับปริญญาตรี
เทคนิคสยามพัฒนาตัวเองขึ้นมาจากโรงเรียนช่างกลสยาม มีพรชัย มงคลวณิช
เป็นผู้ก่อตั้ง
วิทยาลัยพายัพ ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่
21 มีนาคม 2517 มีอำนวย ทะพิงค์แก เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 1,643 คน
อาจารย์ 254 คน เปิดสอนคณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี และพยาบาลศาสตร์
แมคคอร์ระดับอนุปริญญา
ผู้ก่อตั้งคือ อำนวย ทะพิงค์แก
วิทยาลัยคณาสวัสดิ์ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์
2522 มีปัญญา ปุยเปีย เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 2,356 คน อาจารย์ 161
คน เปิดสอนคณะศิลปศาสตร์ ระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจและคณะเกษตรศาสตร์
(สาขาพืชไร่) ระดับ ปวส.
อยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม ก่อตั้งโดยปัญญา ปุยเปีย
วิทยาลัยแสงธรรม ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2519
มีบาทหลวงวีรศักดิ์ วนาโรจน์สุวิช เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 191 คน อาจารย์
27 คน เปิดสอนคณะมนุษยศาสตร์สาขาปรัชญา และคณะศาสนศาสตร์สาขาเทววิทยา ระดับปริญญาตรี
ก่อตั้งโดยสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย
วิทยาลัยหัวเฉียว ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2524
มีนายแพทย์บุญธรรม สุนทรเกียรติ เป็นอธิการ จำนวนนักศึกษา 130 คน อาจารย์
44 คน เปิดสอนคณะพยาบาลศาสตร์ระดับปริญญาตรี
ก่อตั้งโดยโรงพยาบาลหัวเฉียว มูลนิธิ ปอเต็กตึ๊ง
เมื่อรวมเบ็ดเสร็จวิทยาลัยเอกชนทั้ง 12 แห่งที่เปิดทำการสอนอยู่แล้วนี้มีจำนวนนักศึกษาทั้งสิ้น
27,053 คน จำนวนอาจารย์ 1,904 คน
จะสังเกตได้ว่าคณะที่เปิดสอนกันมากที่สุดนั้น ได้แก่ คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับปริญญาตรี
จะมีระดับ ปวส. ก็เพียงที่วิทยาลัยคณาสวัสดิ์ วิทยาลัยศรีปทุม และวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
รองลงมาคือคณะเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี
ส่วนที่เป็นคณะด้านวิศวกรรมศาสตร์จะเปิดสอนกันแค่ระดับ ปวส. ยังไม่ถึงระดับปริญญาตรี
ทั้งนี้คงเนื่องจากการเปิดสอนระดับปริญญาตรีในคณะดังกล่าวจะต้องมีการตระเตรียมการอย่างมากทั้งด้านหลักสูตร
บุคลากร และสถานที่ซึ่งจะต้องมีโรงฝึกงาน เครื่องมือเครื่องใช้ครบถ้วน เป็นต้น
แต่ก็มีวิทยาลัยหลายแห่งประกาศว่าการเปิดสอนในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชานี้จะสามารถเริ่มได้อีกไม่นานนี้แน่นอน
ในจำนวน 12 วิทยาลัยนี้ มี 2 วิทยาลัยที่ตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายเฉพาะ คือคงไม่ขยายไปสู่คณะอื่นๆ
อีก ได้แก่ วิทยาลัยหัวเฉียว ซึ่งมุ่งผลิดพยาบาลระดับปริญญาตรีเพื่อเข้าทำงานในโรงพยาบาลหัวเฉียว
และวิทยาลัยแสงธรรม ซึ่งเป็นวิทยาลัยสำหรับผู้ต้องการเตรียมตัวเป็นบาทหลวงโดยเฉพาะ
เป็นที่น่าสังเกตต่อไปว่า ในระยะเริ่มต้นของแผนพัฒนาฉบับที่ 5 นี้ หรือเมื่อย้อนหลังไปตั้งแต่
3 ปีที่แล้วเป็นต้นมา การขยายตัวของคณะบริหารธุรกิจเริ่มชะลอลงตามลำดับ ทั้งนี้
เนื่องจากกำลังผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบันเมื่อรวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนแล้ว
มีจำนวนเกินความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
หลายแห่งเริ่มที่จะพัฒนาหลักสูตรขึ้นไปถึงระดับเอ็มบีเอ หรือปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจซึ่งยังมีที่ว่างอยู่มากในตลาด
และหลายแห่งก็เริ่มเปิดสอนสาขาวิชาที่คนกำลังขาดแคลนกันจริงๆ อย่างเช่น
สาขาแพทย์พยาบาล วิศวกรรมศาสตร์ในระดับที่สูงกว่า ปวส. และสาขาวิชาที่จะสร้างผู้ชำนาญการเฉพาะด้านขึ้น
แนวโน้มเช่นนี้เป็นแนวโน้มใหม่ในวงการสถาบันอุดมศึกษาภาคเอกชน และก็เป็นแนวโน้มที่หากใครจะลงมือทำนั้นก็จะต้องลงทุนหนักกว่าเก่าหลายเท่าตัวนัก
ลองเปรียบเทียบดูก็แล้วกันว่า ถ้าเปิดสอนสาขาบริหารธุรกิจอย่างมากอุปกรณ์ที่ต้องลงทุนก็เพียงเครื่องพิมพ์ดีด
เครื่องคิดเลขหรืออาจจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย แต่ถ้าเป็นสาขาแพทย์พยาบาล
วิศวกรรมศาสตร์นั้นเครื่องมือเครื่องไม้จะต้องลงทุนสูงกว่ากันกี่เท่า นี่ยังไม่ต้องพูดถึงตัวอาจารย์ผู้สอน
นี่อาจเรียกว่าเป็นยุคของวิทยาลัยเอกชน ซึ่งกำลังต้องการผู้ลงทุนที่มีฝีมือและมีสายตายาวไกลจริงๆ
ยุคที่เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนช่างกลพาณิชย์จะขยับปรับศักยภาพของตนเองขึ้นมาจัดตั้งวิทยาลัยแบบเก่าๆ
ที่ผ่านมาแล้ว ก็คงจะเกิดยากเสียแล้วสำหรับยุคนี้