Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2528
วิชัย มาลีนนท์ และกำเนิดช่อง 3             
 


   
search resources

สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท.
วิชัย มาลีนนท์
ลลิลทิพย์ ธารวณิชกุล
TV
นิรันดร์ วิจิตรานนท์




วิชัย มาลีนนท์ คือหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดของกลุ่มธารวณิชกุล และวิจิตรานนท์ ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารเอเชียทรัสต์

วิชัย มาลีนนท์ ปัจจุบันอายุ 66 ปี เป็นคนที่มีฐานะดีมากถึงขั้นมหาเศรษฐีที่ค่อนข้างจะ LOW PROFILE คนหนึ่ง

วิชัยเมื่อหนุ่มๆ ขับรถบรรทุกและคุมคิวรถอยู่แถวหัวลำโพง

วิชัยมาเริ่มร่ำรวยจริงๆ ก็เป็นยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยได้เป็นเอเย่นต์ลอตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

หลังจากนั้นวิชัยก็หันมาจับงานด้านก่อสร้าง

จากวงการค้า วิชัยได้รู้จักกับจอห์นนี่ มา และพวกวิจิตรานนท์ จึงชวนกันมาลงทุนทำกิจการโทรทัศน์ช่อง 3

กำเนิดช่อง 3

เหมือนกับการกำเนิดของทุกๆ อย่าง ที่ต้องมีเจ้าของโครงการและมีนายทุน แล้วก็ใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อวิ่งเต้นให้ได้มาซึ่งสิทธิ์นั้น

เจ้าของโครงการต้นคิดโครงการช่อง 3 จริงๆ นั้นเป็นคนไทยเชื้อสายแขก ชื่อ มนูญศิริ ขัตติยะอารี ซึ่งปัจจุบันอายุ 59 ปี และเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

มนูญศิริเป็นคนร่างโครงการแล้วนำโครงการมาเสนอขายให้กับวิชัย มาลีนนท์ บริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ก็เกิดขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหนึ่งหมื่นหุ้น เมื่อปลายปี 2510 ในยุคของจอมพลถนอมและประพาสครองเมือง

ในขั้นต้นนั้นกลุ่มธารวณิชกุล และวิจิตรานนท์ยังไม่ได้เข้ามาร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มี วิชัย มาลีนนท์ ถืออยู่ 40% จิตต์ แพร่พานิช เจ้าของร้านแพร่พิทยาที่วังบูรพา ถืออยู่ 45% ส่วนมนูญศิริ ขัตติยะอารี เจ้าของโครงการถืออยู่ 2.5%

ในการที่จะวิ่งเต้นนั้นต้องใช้อำนาจทางการเมืองช่วย ซึ่งเป็นสัจธรรมในการทำธุรกิจยุคเผด็จการครองเมือง ก็เผอิญกลุ่มจอห์นนี่ มา และวิจิตรานนท์ มีเพื่อนสนิทที่เข้านอกออกในกับกลุ่มของจอมพลถนอมได้ดีอยู่ สองคน คือ พลโท ม.ร.ว.ลาภ หัสดินทร อดีตผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ และพลโทประชุม ประสิทธิ์สรจักร์ ซึ่งทั้งสองเป็นตัวจักรในการวิ่งใบอนุญาตมา

และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้ามาร่วมระหว่างตระกูลมาลีนนท์กับกลุ่มเอเชียทรัสต์

ส่วนทางกลุ่มจิตต์ แพร่พานิช ก็ถูกซื้อออกไปเมื่อมีการเพิ่มทุนจากหนึ่งล้านบาทเป็น 12 ล้านบาทเพียง 1 ปีหลังจากตั้งบริษัท ฯ

การบริหารช่อง 3

ในการบริหารช่อง 3 นั้น วิชัย มาลีนนท์ ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการ โดยคุณหญิงลลิลทิพย์ ธารวณิชกุล เป็นประธานกรรมการ

ในการดำเนินงานช่วง 4-5 ปีแรก นั้นเป็นภาวการณ์ที่ต้องอดทน เพราะการลงทุนตั้งสถานีโทรทัศน์นั้นต้องใช้เงินทุนระยะแรกสูง ซึ่งก็ถูกตั้งไว้เป็นรายจ่ายคงค้างที่ต้องทยอยจ่ายไป ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นเงินใต้โต๊ะที่ต้องจ่ายให้ผู้เกี่ยวข้องในการที่จะได้ใบอนุญาตมาด้วย

ในต้นปี 2514 นั้น วิชัย มาลีนนท์ถึงกับมีดำริว่าอยากจะลาออกจากตำแหน่ง เพราะเหน็ดเหนื่อยกับปัญหานานาชนิดทำให้บริษัทไม่กำไร

"คุณวิชัยแกเห็นว่าแกชักชวนพวกเอเชียทรัสต์มาลงทุนแล้วต้องขาดทุนก็เสียใจอยากลาออก แต่คุณหญิงลลิลทิพย์แกขอให้อยู่ต่อ และยังบอกว่าการลงทุนในกิจการโทรทัศน์นั้นเหมือนอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อันหนึ่ง จะหวังผลกำไรปีแรกๆ ไม่ได้ คุณหญิงชมคุณวิชัยว่า มาได้ขนาดนี้ก็นับว่าเก่งแล้ว" แหล่งข่าวที่อยู่ช่อง 3 มาตั้งแต่เดิมเล่าให้ "ผู้จัดการ " ฟัง

ช่อง 3 เริ่มจะมีกำไร และฟื้นทุนได้นับตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นไป หลังจากเริ่มมาได้ 5 ปี

"ในการบริหารงานช่อง 3 นั้น เอเชียทรัสต์เขาปล่อยให้กลุ่มมาลีนนท์บริหารตลอดอย่างเต็มที่ เขามีคุณนิรันดร์ วิจิตรานนท์ เท่านั้น เข้ามาเป็นกรรมการรองผู้จัดการ เพื่อเป็นตัวแทนดูแลผลประโยชน์ของเอเชียทรัสต์

ความสนิทสนมของ 2 กลุ่มนี้จึงมีมาแต่ดั้งเดิม เป็นความใกล้ชิดที่ต่างฝ่ายต่างก็เกรงใจกันอย่างมากๆ

จะอย่างไรก็ตามถึงช่อง 3 จะได้กำไรขนาดไหนก็ตาม แต่ยุคสมัยของการทำงานกันอย่างง่ายๆ สบายๆ ก็คงจะหมดลงแล้ว

ช่อง 3 ยังเหลือสัญญาอีกประมาณ 6 ปีถึงจะหมด และเมื่อถึงวันนั้น การต่อสัญญาครั้งใหม่นี้ ก็คงจะไม่ง่ายเหมือนครั้งที่แล้วมาในสมัยที่ดุสิต ศิริสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

และสำคัญที่สุดก็ตรงที่ เมื่อมาถึงวันนี้แล้ว หุ้นส่วนใหญ่ด้านธารวณิชกุลและวิจิตรานนท์ก็คงจะไม่มีธนาคารเอเชียทรัสต์ที่จะเอาไปให้ความอบอุ่นกับมาลีนนท์ในการเป็นฐานการประมูลอีกต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us