ศูนย์ความงามโอเรียนทอล บิวตี้ ขยายฐานลูกค้าจับกลุ่มระดับรากหญ้า เร่งขยายสาขาเพิ่มอีก 100 แห่ง ผ่านโมเดลแฟรนไชส์ อิงพื้นที่ให้บริการกับห้างเทสโก้ โลตัส พร้อมขยายไลน์สินค้าอาหารเสริมสุขภาพและเพอร์ซันนัลแคร์ วาดเป้าดันยอดขายโต 300%
นายนิพันธ์พงศ์ พานิช กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ความงามโอเรียนทอลบิวตี้ ผู้ให้บริการผิวพรรณและความงาม เปิดเผยว่า แผนการรุกตลาดในปี 2553 ทางศูนย์มีแผนการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 200 สาขา จากเดิมที่เปิดให้บริการแล้วประมาณ 110 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเป็น 200 สาขา แม้ภาวะเศรษฐกิจยังทรงตัวแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค กลับสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจอยากเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจด้านความงาม เข้ามาทำธุรกิจร่วมกับโอเรียนทอล บิวตี้ในรูปแบบของการเป็นแฟรนไชส์
“เหตุที่เราสามารถสวนกระแสได้ เป็นเพราะแม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่เราสามารถกวาดกลุ่มลูกค้าชาวบ้านทั่วไป เจาะตลาดกลุ่มรากหญ้าได้ เพราะจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ คือต้องการเข้าถึงคนไทยทุกคนทุกระดับ”
สำหรับเงินทุนในการลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน โดยปรกติค่าตกแต่ง หากเป็นนอกห้างฯ จะอยู่ที่ 12,000 บาท แต่ถ้าเป็นในห้างฯ จะอยู่ที่ประมาณ 18,000 บาทต่อตารางเมตร เฉลี่ยแล้วตึกแถวห้องหนึ่งจะไม่เกิน 400,000 บาท ค่าแรกเข้า 200,000 บาทในระยะเวลา 3 ปี เฉลี่ยจะอยู่ที่เดือนละ 50,000 บาท ซึ่งใน 200,000 บาทนี้ผู้ลงทุนจะได้รับแบรนด์ของโอเรียนทอล บิวตี้ ไปเปิดร้าน ได้รับการอบรมเกี่ยวกับธุรกิจศูนย์ความงาม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากโอเรียนทอล บิวตี้ ด้วย
ปัจจุบันสาขาที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในห้างเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศ 80% ของจำนวนทั้งหมด และที่เหลือจะกระจายอยู่ตามย่านชุมชน และการขยายสาขาตามแผนที่วางไว้ในปีนี้ ยังคงเน้นการเปิดในห้างเทสโก้ โลตัส เป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของทางศูนย์จะเป็นกลุ่มแม่บ้านเป็นหลัก 80% และกลุ่มนักศึกษา 20% โดยราคาเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์จะเริ่มต้นตั้งแต่ 70 บาท และราคาสูงสุดไม่เกิน 900 บาท โดยเป็นการให้บริการด้านผิวพรรณและความงามครบวงจร
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขยายฐานตลาดและลูกค้าเพิ่มขึ้น ทางศูนย์มีแผนการขยายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพและกลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์ เนื่องจากศูนย์ความงามโอเรียนทอล บิวตี้ ได้เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลา 3 ปี และได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการเฉลี่ย 30-80 คนต่อวันต่อสาขา โดยล่าสุดจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มอาหารเสริมสุขภาพที่เป็นกลุ่มดูแลสุขภาพจำหน่ายในราคา 490 บาทต่อขวด ขณะที่กลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์นั้น จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดีโอเดอร์แลนซ์ออกสู่ตลาดเป็นตัวแรก รวมทั้งมีแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แผนการสร้างการรับรู้แบรนด์นั้น ทางศูนย์จะใช้กลยุทธ์การบอกปากต่อปาก หรือเพราะไม่ดบผกระทขากรปึนืกครสวราประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในปี 2552 ที่ผ่านมานั้นทางศูนย์ไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ในทางกลับกันกลับได้อานิสงส์ทำให้ลูกค้าหันมาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากสินค้าและบริการมีราคาที่ถูก และจากแผนการรุกตลาดในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นายนิพันธ์พงศ์ กล่าว
|