แม็คโคร บอกปัด ไม่สนซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในไทย ย้ำคนละโมเดล แต่มั่นใจธุรกิจค้าปลีกค้าส่งไทยยังโลด ปีนี้ ทุ่ม 1,500 ล้านบาท ลั่นไตรมาสแรกเติบโตดี หวังสิ้นปีรายได้รวมทะลุ 83,000 ล้านบาท
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธาเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้บิหารศูนย์จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค แม็คโคร เปิดเผยว่า บริษัทฯไม่มีแผนและไม่มีความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ในประเทศไทยที่มีข่าวขายกิจการในช่วงนี้ เนื่องจากว่า เป็นคนละธุรกิจกันดังนั้นในแง่ของตัวโครงสร้างอาคารที่ทำมาก็มีความต่างจากธุรกิจค้าส่งที่แม็คโครทำอยู่ บางทำเลก็อยู่ใกล้กันหรือติดกันด้วย อีกทั้งยังไม่มีใครติดต่อประสานงานมาที่แม็คโครด้วย
“ถ้าเราไปซื้อก็เท่ากับว่าเราหันไปทำไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งไม่ใช่เป็นธุรกิจที่เราทำ ส่วนรายใหม่ที่จะเข้ามาทำธุรกิจนี้คงยาก ถ้าหากมีเพียงไม่กี่สาขา วอลุ่มของธุรกิจไม่มากพอ แต่เรื่องการขายกิจการองคาร์ฟูร์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก มีมานานและเป็นที่รู้กันอยู่แล้วในวงการค้าปลีก”
อย่างไรก็ตาม โอกาสและแนวโน้มของตลาดค้าปลีกค้าส่งในไทยนั้น ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่ต้องเป็นรายที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงิน การบริหาร การจัดการ และแบรนด์ โดยประเทศไทยมีมูลค่าจีดีพี 9 ล้านล้านบาท มีประชากรมากกว่า 60-70 ล้านคน ซึ่งการบริโภคสินค้าคอนซูเมอร์คิดเป็นประมาณ 15% หรือ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควร อีกทั้งตลาดไทยและเอเชียเป็นตลาดที่มีการบริโภคกันสูงด้วย
แม้ว่าแม็คโครจะไม่ซื้อคาร์ฟูร์ก็ตาม แต่บริษัทฯ ก็ยังมีแผนการลงทุนเองต่อเนื่องในส่วนของธุรกิจค้าส่งแม็คโคร โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่ 4 แห่ง รวมมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาท คือ ไตรมาสแรกเปิดที่จังหวัดกำแพงเพชร ไตรมาสสองเปิดที่จังหวัดลพบุรีและกาญจนบุรี และเดือนกันยายนนี้เปิดที่จังหวัดหนองคาย ขนาดพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 48 ขณะที่ปีที่แล้วเปิด 3 สาขา และปีก่อนหน้านี้คือ 2551ไม่ได้เปิดสาขาใหม่เลย
“แม็คโครเองยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก ประเทศไทยมี 76 จังหวัด และมีข่าวว่าจะเพิ่มอีกจังหวัด เราสามารถไปได้ทุกจังหวัดอยู่แล้ว จังหวัดหลักๆ จังหวัดรองเราก็ไปแล้วแทบทุกที่ มีอีกหลายพื้นที่ที่เราจะไป เพราะเรามีหลายขนาดของสโตร์ยืดหยุ่นได้ แต่เรื่องกฎหมายค้าปลีกก็ยังเป็นปัญหาที่สำคัญอยู่ ตอนนี้ เรามี 47 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 9 สาขา แต่อยู่ในต่างจังหวัดเพียงแค่ 38 จังหวัด โดยมีจังหวัดเชียงใหม่ที่มี 2 สาขา นอกนั้นมีจังหวัดละ 1 สาขา” นางสุชาดากล่าว
สำหรับผลประกอบการของแม็คโคร ในไตรมาสแรก 2553 มียอดขายเติบโต 16% และมกำไร เติบโต 59% เป็นผลมาจากไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ส่วนไตรมาสที่สองหรือครึ่งปีแรกต้องรอรายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อน แต่ยอมรับว่า ไตรมาสที่สองได้รับผลกระทบพอสมควรจากปัญหาการปิดถนนและการชุมนุมของม็อบ ซึ่งสาขาที่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ต้องปิดบริการ 2 วัน ส่วนสาขาอื่นๆก็ต้องเปิดปิดเร็วขึ้น เพราะมีการประกาฬใช้เคอร์ฟิว แต่สาขารอบชานเมืองมีการเติบโตที่ดี
“ธุรกิจของเราขายของกินของใช้ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ยังไงๆคนก็ต้องซื้อไปบริโภคหรือเอาไปใช้ แต่ก็มีกระทบบ้าง ทั้งปีนี้คาดว่าน่าจะมีการเติบโตที่ดี หากช่วงปลายปีซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่สำคัญไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะตอนนี้บรรยากาศก็เริ่มดีแล้ว กำลังซื้อกลับฟื้นขึ้นมา ยอดขายอาหารสด
อาหารสดเติบโตดีมาก โดยคาดว่าปีนี้ทั้งปีน่าจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายรวม 10-15% หรือมีประมาณ 85,000 ล้าบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 75,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้จัดโครงการ “มิตรแท้โชห่วย ขึ้นเป็นปีที่4ติดต่อกัน โดยทั้งปีจะใช้งบตลาดสำหรับโครงการนี้ประมาณ 50 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกร้านโชห่วย ร้านค้าปลุกรายย่อย ซึ่งจะมีทั้ง 1. การจัดสัมมนา (เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2553) ทั้งใน กรุงเทพและส่วนภูมิภาค 9 จังหวัด รวม 11 ครั้ง คาดว่าจะมีโชห่วยเข้าร่วมสัมมนามากกว่า 5,500 ราย 2.การจะจัดกิจกรรมร่วมกับสถาบันการษศึกาเพื่อพัฒนาร้านค้าปลีกท้องถิ่น ตั้งเป้าร้านโชห่วยเข้าร่วม 470 ร้านค้า 3.การจัดการประกวดแผนต่อนยอดร้านโชห่วย เป็นครั้งแรก ซึ่งจะจัด งานตลาดนัดโชห่วย วันที่ 16-19 กันยายน ที่ อิมแพ็คเมืองทองธานี 4.การเปิดตัวหนังสือ กว่าจะเป็นมิตรแท้โชห่วย ซีเอสอาร์แบบไทย
|