เมื่อไม่นานมานี้นักศึกษาระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกลุ่มหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมาว่า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอบีเอ็มคนใดจะได้รับตำแหน่งประธานคนต่อไป ตอนแรกพวกเขาก็ไม่มั่นใจกันนัก
แต่หลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์ที่บันทึกเทปวิดีโอเกี่ยวกับบทสนทนาในหมู่ผู้ใหญ่ของไอบีเอ็มแล้ว
พวกเขาก็ได้คำตอบกันโดยไม่ยากนัก เพราะมีบุรุษฉกรรจ์เพียงผู้เดียวที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มนั้น
เขาผู้นั้นก็คือ จอห์น เฟลโลส์ อาเคอร์ อดีตนักศึกษาคณะบริหารอุตสาหกรรมจากมหาวิทยาลัยเยล
ผู้มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง เฉลียวฉลาดฉับไว และเป็นคนเปิดเผย
อาเคอร์ผู้สวมวิญญาณเซลส์แมนเต็มตัวดูเป็นคนเอาการเอางาน และจริงใจ เขามีความเข้าใจธุรกิจที่คุมอยู่อย่างถ่องแท้
ไอบีเอ็มเป็นบริษัทที่ขายตั้งแต่หมึกพิมพ์ดีดไปจนถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์แห่งนี้มีมูลค่ากะโดยคร่าวๆ
แล้วราว 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้นั้นจะต้องเป็นคนที่กร้าวแกร่งและมีความนุ่มนวลในการชักจูงใจผู้คนได้ดีพอ
อาเคอร์จัดอยู่ในประเภทนี้ เพราะเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นคงแต่มิใช่เป็นคนที่ดื้อด้าน
เรียกร้องแต่ ไม่กดขี่ เขาสรุปตัวเองว่า เป็นผู้ที่ไม่เคยพอใจอะไรง่ายๆ
สักที ไม่มีน้ำอดน้ำทนกับสิ่งต่างๆ รอบตัว มีท่าทียโสโอหังแม้ใจจริงไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม
แต่ผู้ร่วมงานกลับมองเขาว่า เป็นผู้มีบุคลิกนุ่มนวลแต่เฉียบขาด เข้าทำนองพวกอ่อนนอกแข็งใน
หนุ่มใหญ่ผู้นี้ต้องการที่จะขยายงานของไอบีเอ็มให้เติบโตก้าวหน้าต่อไป
โดยจะต้องลบภาพลักษณ์ของไอบีเอ็มที่เป็นเครื่องจักรกลที่ไม่มีน้ำใจออกไปให้ได้
ผู้คนที่ชื่นชมอาเคอร์บอกว่า หากจะต้องการใครสักคนที่สร้างภาพลักษณ์ให้ไอบีเอ็มดูเป็นมิตร
แต่ยังคงความเป็นผู้นำล่ะก็ ก็มีเพียงอาเคอร์เท่านั้นที่จะทำได้ ผู้ที่เคยร่วมงานกับเขาบอกว่า
เขาเคยเข้าประชุมถกเถียงกับอาเคอร์ แต่ไม่อาจเถียงได้ชนะ แต่เมื่อเลิกประชุมแล้วก็ยังเดินออกมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสได้
อาเคอร์เริ่มงานเป็นผู้นำร่องเรือบรรทุกเครื่องบินของราชนาวีสหรัฐฯ หลังจากที่สำเร็จการศึกษา
จากนั้นก็ได้เข้ามาทำงานให้กับบริษัทไอบีเอ็ม โดยเริ่มไต่ตั้งแต่เป็นเซลส์แมนระดับต้นๆ
จนไต่เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการสาขาบอสตัน จนกระทั่งปี 1971 ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญ
คือ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยรองประธานคนก่อนคือ แฟรงค์ ที คารีย์ ซึ่งงานนี้จะเกี่ยวกับการเขียนสุนทรพจน์
การจัดการประชุม และโดยธรรมเนียมของไอบีเอ็มแล้ว เป็นขั้นพื้นฐานของผู้นำระดับสูงสุด
ด้วยความที่เป็นผู้รอบรู้นับตั้งแต่เรื่องของเกมกีฬาไปจนถึงประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกา
เขาจึงเป็นผู้ที่มีความสามารถคุยกับผู้คนรอบด้านได้ ความช่ำชองในงานทำให้เขาได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นประธานของบริษัทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ปี ค.ศ 1983 สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นจากผู้บริหารรายอื่นๆ คือ ความสามารถพิเศษในการบริหารธุรกิจในด้านที่ไม่คุ้นเคย
เช่น การพัฒนาสินค้า อาเคอร์มักจะให้อำนาจการตัดสินใจแก่ผู้บริหารระดับรองๆ
โดยเปิดโอกาสให้มากเพียงพอจนแทบจะไม่รู้สึกว่ามีเขาแทรกกลางอยู่
เขาได้ยกเรื่องของงานออกจากครอบครัวอย่างเด็ดขาด มีชีวิตอยู่กับภรรยาและลูกๆ
อีก 3 คนที่ไปเข้าโรงเรียนในโรงเรียนไกลบ้านออกไป ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาว่างไปดูละครหรือบัลเลต์กับภรรยา
และหลงใหลกีฬาหลายอย่าง จนถึงขั้นสะสมรูปปั้นทองเหลืองของนักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดัง
เจอร์รีย์ เวสต์ อาเคอร์มีความเข้าใจว่า ผู้คนรอบด้านรวมไปถึงตัวเขาเองด้วย
ได้กำหนดระดับขีดขั้นความสามารถให้กับตัวเขาสูงมาก และการบริหารไอบีเอ็มให้ได้ก็ต้องใช้ความสามารถอย่างยิ่ง
คุณความดีอย่างหนึ่งของเขาคือ ไม่ทอดทิ้งผู้ร่วมงาน เมื่อเขาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปก็ได้เรียกผู้ร่วมงานเข้ามาบอกว่า
ใครจะเป็นผู้ที่มาทำหน้าที่แทนเขา
เขามีความตั้งใจจริงที่จะแสดงให้โลกภายนอกรู้ว่า ไอบีเอ็ม ไม่ใช่บริษัทยึดมั่นเหมือนแท่นศิลา
พยายามปรับปรุงภาพลักษณ์เข้ากับผู้อื่นได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความตั้งใจที่จะเห็นบริษัทนี้เจริญเติบโตในทุกๆ
ภาคจนถึงระดับล้านล้านเหรียญให้ได้ หลายคนเชื่อว่าเขาจะต้องทำได้สำเร็จแน่
นายจอห์น เฟลโลส์ อาเคอร์ บุรุษผู้มีสมญาว่า อ่อนนอก แข็งใน