ด้วยพื้นฐานการศึกษาและประสบการณ์ทำงานเป็นแพทย์ แต่วิชาชีพนี้ไม่ใช่คำตอบของเส้นทางการทำงานของเขา เพราะด้วยสายเลือดของพ่อค้าจึงทำให้เขาผู้นี้กำหนดเส้นทางชีวิตเอง และผันตัวเองกลายมาเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว

นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด ในวัยเยาว์เป็นเด็กหัวดี เรียนเก่ง จึงทำให้เขาเลือกเรียนแพทย์ เมื่อก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัย เพราะในตอนนั้นเขายอมรับว่ามีอาชีพอยู่ 2 ประเภทที่คนเรียนเก่งจะเลือกก็คือ แพทย์กับวิศวกร ซึ่งกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมในตอนนั้น

เขายอมรับว่าเสียดายในวัยเรียนที่ไม่มีโอกาสได้ทดลองเรียนอย่างอื่น ไม่มีโอกาสได้ลองผิดหรือลองถูกก่อนตัดสินใจที่จะเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและใช้เป็นวิชาชีพ

แม้พื้นเพของ นพ.วีรฉัตรจะเป็นคนเชียงราย จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทยก็ตาม แต่เขาก็สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันศึกษาแห่งนี้ก็ได้บ่มเพาะให้เขาได้เป็นหมออย่างที่ตั้งใจในตอนนั้น ทว่าเขาก็อยู่ในอาชีพนี้ช่วงเวลาสั้นๆ 3-4 ปีเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบทำงานวนเวียนอยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ด้วยพื้นฐานธุรกิจของที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับปั๊มน้ำมัน ทำให้มีโอกาสเข้าไปช่วยงานดูแลหลายด้าน เช่น การเงินรายรับ ค่าใช้จ่าย การติดต่อกับธนาคาร หรือการพบปะพูดคุยกับลูกค้า

การทำงานร่วมกับที่บ้านเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจทำให้เขามีความคิดต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง

แต่ความรู้ที่เรียนแพทย์มาเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะออกไปทำธุรกิจ จึงต้องหันไปเรียนเพิ่มเติม เช่นบริหารการจัดการ และไปศึกษาต่อปริญญาโท วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเงิน จาก Mercer University of Atlanta, GA. USA.

ด้วยใจรักเรื่องตัวเลข จึงทำให้เขาหันไปทำงานในสถาบันการเงิน เช่นเป็นผู้จัดการด้านกลยุทธ์การลงทุน ธนาคารเกียรตินาคิน เป็นต้น

หลังจากสั่งสมประสบการณ์ได้ระยะหนึ่ง นพ.วีรฉัตรก็เริ่มก่อตั้งบริษัททำธุรกิจนำเข้าและส่งออก จากการทำธุรกิจร่วมกับต่างประเทศ จึงทำให้เขามองเห็นโอกาสธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและหันมาจัดตั้งบริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมฯ

แม้ว่า นพ.วีรฉัตรจะมีประสบการณ์ทำงานมาหลายด้าน การบริหารจัดการ บริหารการเงินก็ตามที แต่ด้วยธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา ทีมงานและพนักงาน เขาจึงต้องทำงานหนักและทุ่มเทไม่น้อย

เขาเชื่อว่ากุญแจสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จมี 3 ขา คือ การเงิน การจัดการ การตลาด และเขาพยายามอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า

“การตลาดหมายถึงการขายสินค้า แต่กุญแจดอกสำคัญของบริษัทจะล้มเหลวหรือไม่ล้มเหลวอยู่ที่การเงิน ต่อให้ขายเก่งแค่ไหน ทำได้ดีแค่ไหน ถ้าจัดการการเงินไม่ดี เดี๋ยวก็ล้มได้ ส่วนการจัดการ ทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง เป็น better or worse ไม่ใช่ success หรือ fail”

ความเชื่อดังกล่าวทำให้ นพ.วีรฉัตรหันไปเรียนด้านการเงิน เพื่อปกป้องไม่ให้ธุรกิจล้มเหลว และไปจัดการด้านการตลาดเพื่อให้ธุรกิจเติบโต ส่วนวิธีการการจัดการก็ต้องเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้

ในมุมมองธุรกิจ 3 ขาของ นพ.วีรฉัตรดูเหมือนจะเป็นการหยิบยกทฤษฎีจากตำราเล่มหนามาก็ตาม แต่กลยุทธ์และชั้นเชิงจะลุ่มลึกเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับแม่ทัพเหมือนกัน