|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในการเปิดประตูสู่ทะเลให้กับหยุนหนัน มณฑลทางตะวันตกของจีน โดยใช้เส้นทาง R3a ผ่านลาว และเส้นทาง R3b ผ่านพม่า โดยมีท่าเรือแหลมฉบังของไทยเป็นปลายทาง แต่แท้จริงแล้ว เส้นทางขนส่งสินค้าสู่ชายฝั่งที่สั้นที่สุดของหยุนหนัน อยู่ในภาคเหนือของเวียดนามและเส้นทางดังกล่าวกำลังได้รับการปรับปรุง
ขณะที่โครงข่ายคมนาคมภายใต้กรอบความร่วมมือของ 6 ประเทศในอนุ-ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) นั้น เส้นทางออกสู่ทะเลของมณฑลหยุนหนัน สาธารณ-รัฐประชาชนจีน ถูกให้น้ำหนักไปที่เส้นทางสาย R3a ผ่านลาวและสาย R3b ผ่านพม่า ทั้ง 2 เส้นทางมุ่งหน้าลงใต้เข้าสู่ประเทศไทย โดยมีปลายทางออกสู่ทะเลได้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
จีนเรียกเส้นทางสายนี้ว่า “คุน-มั่น กงลู่” หรือทางด่วนสายคุนหมิง-กรุงเทพฯ ซึ่งมีระยะทางไกลประมาณ 1,000 กว่ากิโลเมตร แต่แท้จริงแล้วทางออกสู่ทะเลที่สั้นที่สุดของมณฑลหยุนหนัน ได้แก่ เส้นทางสายคุนหมิง-หล่าวกาย-ไฮฟอง-กว๋างนิญ โดยสามารถออกสู่ทะเลได้ที่ท่าเรือไฮฟองของเวียดนาม
หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมการค้าของเวียดนามรายงานว่า เส้นทางดังกล่าวตั้งอยู่ในแกนเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในชุดโครงการพัฒนา “สองระเบียงและหนึ่งเข็มขัด”
จังหวัดหล่าวกายเป็นชุมทางสำหรับการติดต่อค้าขายระหว่างเวียดนาม-จีนที่เขต เศรษฐกิจช่องทางชายแดน เพื่อใช้ประโยชน์ และเดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม เป็นปัญหา สำคัญและเร่งด่วนที่สุดปัญหาหนึ่งในกระบวนการเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างสองชาติ
ที่ตั้ง
เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจคุนหมิง-หล่าวกาย-ฮานอย-ไฮฟอง-กว๋างนิญ เป็นภาคส่วนหนึ่งที่สำคัญในเขตการค้าเสรีจีน-ASEAN อาศัยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เกื้อกูล และโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่มีอยู่ ระเบียงนี้มีบทบาทพิเศษในการเชื่อมต่อจังหวัดต่างๆ ทางภาคตะวันตกของจีนกับประเทศ ASEAN ตามหนทางที่สั้นที่สุดและใช้ประโยชน์จากท่าเรือเดินทะเลไฮฟอง
ปัจจุบันการบริการขนส่งได้เชื่อมต่อจากไฮฟองถึงสุดทางที่คุนหมิง ปริมาณ สินค้าเกิน 70% ที่แลกเปลี่ยนบนระเบียงเศรษฐกิจนี้ได้มีการขนส่งโดยทางรถไฟ ส่วนที่เหลือเป็นทางรถยนต์
จังหวัดหล่าวกายมีทางหลวงแห่งชาติ 5 เส้นทางวิ่งผ่านพื้นที่จังหวัดด้วยโครงข่ายคมนาคมที่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางและค่อนข้างเสมอกันบนทุกอำเภอและเมือง รองรับการคมนาคมอย่างสะดวก ปัจจุบันทางหลวงแห่งชาติสาย 70 (หล่าวกาย-เอียนบ๊าย-ฮานอย) กำลังได้รับยกระดับเป็นถนนมาตรฐาน 4 ช่องจราจร ความร่วมมือขนส่งทางบกระหว่างจังหวัดหล่าวกายและเมืองเฮโขว (หรือห่าเขิว) ได้ เกื้อกูลอย่างสำคัญด้วยนโยบายอนุญาตให้รถยนต์บรรทุกสินค้าของเวียดนามวิ่งลึกเข้า ไปภายในจีนถึง 250 กิโลเมตร การเปิดช่องทางก็นานถึงเวลา 22.00 น.ของทุกวัน จังหวัดหล่าวกายเสนอให้กระทรวงคมนาคมขนส่งจีนอนุญาตให้รถเวียดนามได้เดินทางต่อไปและรถบรรทุกสินค้าสด-ดิบเดินทางตรงไปถึงนครคุนหมิง (เมืองเอกของมณฑลหยุนหนัน) ซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดหล่าวกาย 460 กม. หากเป็นเช่นนั้น รถสินค้าเวียดนามสามารถผ่านช่องทางโดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าและลดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด
นอกจากนั้นยังมีเส้นทางรถไฟขนส่งระหว่างประเทศ ไฮฟอง-ฮานอย-หล่าวกาย-เฮโขว (หรือห่าเขิว)-คุนหมิง ขนส่งสินค้าและผู้โดยสารนานาชาติและภายในประเทศ ปัจจุบันประเมินว่ารถไฟสายนี้มีประสิทธิภาพทางด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร อันดับที่ 2 ของประเทศต่อจากสายฮานอย-นครโฮจิมินห์ แต่รถไฟสายนี้กำลังบรรทุกมากเกินไปด้วยการขนส่งน้ำหนักเกือบ 2 เท่าของขีดความสามารถที่ได้รับอนุญาต แต่นี่ก็เป็นทางรถไฟผ่านแดนสายเดียวที่เชื่อมต่อกับหยุนหนัน
เปิดเส้นทางจราจรทางอากาศ
เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการคมนาคมโดยภาพรวม และบรรลุถึงการใช้ ประโยชน์หลากหลายในระเบียงเศรษฐกิจ รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้มีการวิจัยเพื่อ ก่อสร้างสนามบินหล่าวกาย เพื่อสร้างเส้นทางบินคุนหมิง-หล่าวกาย-ฮานอยในปี 2555
ตามแผนสำหรับระบบทางด่วนถึงปี 2558 และก่อนปี 2563 ทางด่วนสายโหน่ยบ่าย-หะลอง-ม้องก๊าย กับจุดสิ้นสุดคือ สะพานบั๊กเลวินที่ 2 เชื่อมต่อกับจีน ก็เป็นส่วนหนึ่งของถนนสายผ่านตลอดเอเชียที่น่าสนใจคือทางด่วนฮานอย-ไฮฟองก็จะเชื่อมต่อกับทางด่วนสายโหน่ยบ่าย-หะลอง
ดังนั้น การคมนาคมเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (กว๋างนิญ-ฮานอย-ไฮฟอง) จะทำให้สมบูรณ์เพื่อเชื่อมต่อเข้าเขตเศรษฐกิจภาคเหนือ เร่งให้เขตนี้เติบโตเข้มแข็ง ตามโครงการลงทุนต่างๆ เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่ชุมทางหล่าวกาย จะเป็นความจำเป็นที่สุด การที่บริษัทหุ้นส่วนลงทุนการค้าระหว่างประเทศอินโดจีน (Investcom) กำลังดำเนินแผนการลงทุนมุ่งปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้จังหวัดหล่าวกาย อาจกล่าวได้ว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง
Investcom เป็นบริษัทผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่ของเวียดนาม มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงฮานอย ในปี 2552 Investcom สามารถส่งออกยางธรรมชาติได้ 3,600 เมตริกตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Investcom ได้ลงทุนเขตคลังสินค้า container (Indochina ICD) แห่งหนึ่งใกล้เขตการค้าเสรีกิมถ่าญ ที่ได้รับวางผังเป็นเขตการค้าเสรีถ่วงดุลกับเขตการค้าเสรี บั๊กเซินของจีน ตามข้อกำหนด คนเวียดนาม และคนจีนไปยังเขตการค้า 2 แห่งนี้ไม่ต้องมี visa และนำสินค้ายกเว้นภาษีติดตัวไปได้มูลค่า 500,000-1,000,000 โด่ง (ประมาณ 1,000-2,000 บาท) การนี้จะดึงดูดคนจีนมากมายมายังเวียดนาม
บุ่ย ก๊วก หว่าน ประธานกรรมการบริหารของ Investcom ประเมินว่า “ในอนาคต เมื่อโครงการทางด่วนฮานอย-หล่าวกายมีการเชื่อมต่อกับระบบถนนภายในจีนเดินทางผ่านเขตการค้ากิมถ่าญแล้วเสร็จ การก่อสร้างเขตศูนย์กลางแห่งหนึ่งที่มีความสามารถติดต่อซื้อขายผลิตภัณฑ์ธุรกิจแหล่งวัตถุดิบผลิต บริการนำเข้า ส่งต่อ ตระเตรียมสินค้าขนส่ง ปัจจุบันจึงเป็นความจำเป็นและทิศทางเดินที่ถูกต้อง”
|
|
|
|
|