|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |

ลูกค้ารายใหญ่ของการท่องเที่ยวจีน คือชาวจีนเอง แต่แหล่งท่องเที่ยวที่พวกเขาจะสน จะต้องมีมุมมองที่เชื่อมโยงกับต่างชาติ
ภูเขาหวงซานที่ลอยละล่องอยู่กลางทะเลหมอก ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจีนมานานนับหลายศตวรรษ เป็นภูเขาที่ James Cameron ผู้กำกับภาพยนตร์คนดังแห่ง Hollywood ยอมรับว่า คือต้นแบบของดาว Pandora ในภาพยนตร์เรื่องดังแห่งยุคของเขา “Avatar” แต่ภูเขาจางเจียเจี้ยในมณฑลหูหนาน คู่แข่งสำคัญของหวงซาน ก็อ้างตัวเป็นต้นแบบของภูเขาลอยฟ้า Hallelujah ในเรื่องอวตารเช่นกัน
แหล่งท่องเที่ยวที่จัดว่างดงามที่สุด 2 แห่งของจีน ต่างอ้างเรื่องอวตารมาเป็นจุดขายนักท่องเที่ยว ทัวร์ที่ชื่อว่า Hallelujah Fantasy Tour กับ Miracle Tour of Pandora ของจางเจียเจี้ย ซึ่งนำนักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับสถานที่งดงามต่างๆ ที่คล้ายกับหลาย ฉากในอวตาร ทำให้ในเดือนมกราคมสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจีนได้ถึง 15,000 คน ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน ส่วนหวงซานก็กำลังวางแผนจะทำภาพยนตร์โฆษณาที่ชูจุดขายเกี่ยวกับเรื่องอวตารเช่นกัน
คาดกันว่าปีนี้การท่องเที่ยวทั่วโลกจะฟื้นตัว โดยเฉพาะจีน ซึ่งเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าใคร จนกลับมาเติบโตเป็นเลข 2 หลักอีกครั้ง จึงคาดว่าการท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและภายในจีน จะกลับมาฟื้นตัวเช่นเดียวกัน เมื่อ 20 ปีก่อน การท่องเที่ยวภายใน จีนมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเห็นว่าจีนเป็นความแปลกใหม่ แต่ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของจีนกลับเป็นคนจีนเอง เห็นได้จากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติในจีนลดลง 3% ในปีที่แล้วเหลือ 126 ล้านคน แต่การท่องเที่ยวภายในจีนกลับเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 1,900 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น 9% เป็น 185,000 ล้านดอลลาร์ และการที่ชาวจีนได้พบกับประสบการณ์และความสุขสบายเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้รสนิยมการท่องเที่ยวของคนจีน เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ชาวจีนไม่กลัวที่จะต้องอยู่ห่างจากอาหารการกินหรือสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย และยังชอบที่จะไป เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ แต่จะต้องมีสิ่งที่เชื่อมโยงกับโลก หรือมีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ
ปรากฏการณ์ “จีนเที่ยวจีน” คงจะพุ่งขึ้นสูงสุดในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่จีน จัดงาน World Expo 2010 ที่เซี่ยงไฮ้ นานถึงครึ่งปี ตั้งแต่พฤษภาคมถึงตุลาคม เซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่หนึ่งที่ตอบสนองรสนิยมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปของคนจีน ฉายา “ปารีสแห่งตะวันออก” คือจุดเด่นของเซี่ยงไฮ้ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบ art nouveau ขณะเดียวกัน เกาะไหหลำซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็น “ฮาวายแห่งจีน” ก็เพิ่งเริ่มใช้นโยบายปลอดภาษีและวีซ่า และต้อนรับนักท่องเที่ยวจากยุโรป ด้วยหาดทรายขาวและโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ส่วนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเคยมีแต่นักท่องเที่ยวจากตะวันตก กลับกลายเป็นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวชาวจีนที่โปรดปรานอาหารฝรั่งและวัฒนธรรม ที่หลากหลาย “คนจีนรุ่นใหม่ไม่มีปัญหากับชีสและเครื่องเทศของตะวันตกเหมือนคนรุ่นเก่า” Zhaung Songlie นักธุรกิจชาวไต้หวัน เจ้าของเชนร้านกาแฟสไตล์ตะวันตกชื่อดังกล่าว แม้ว่าคนจีนจะยังคงชุมนุมประท้วงอเมริกาหรือญี่ปุ่น ถ้าหากทำอะไรที่ไม่ดีกับจีน แต่พวกเขาก็เปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆ แม้ว่าจะมาจากต่างชาติ ถ้าหากว่าพวกเขาชอบมัน
ความรู้เกี่ยวกับต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นของชาวจีน โดยเฉพาะ ในกลุ่มคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ยิ่งทำให้พวกเขานิยมเที่ยวในประเทศมากขึ้น ถ้าหากว่าสถานที่นั้นมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติ เมือง Zhongdian ในมณฑลยูนนาน เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Shangri-La ตามชื่ออาณาจักรในเทือกเขาหิมาลัยในตำนานที่ปรากฏอยู่ในนิยายเรื่อง Lost Horizon ของ James Hilton และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ชุมชนแห่งหนึ่งในมณฑลกานซู มีการสร้างแบบจำลอง ขนาดเล็กของ Colosseum ในกรุงโรม เพราะเชื่อว่าพวกเขาสืบเชื้อสาย มาจากชาวโรมันโบราณ (แม้ว่าผลตรวจ DNA จะยืนยันแล้วว่า ชาวชุมชนนี้ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจาก gladiator นักสู้ยุคโรมันโบราณ แต่มาจากชาวเปอร์เซียก็ตาม) เมือง Harbin ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยถนนสายใหญ่สไตล์ยุโรป และโบสถ์ St. Sophia โบสถ์นิกาย Eastern Orthodox ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกไกล สถานที่ต่างๆ อันเป็นมรดกมาจากชาวรัสเซียที่เคยอยู่ในเมืองนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีค่า
Harbin มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หลังจากการปฏิวัติ Russian Revolution ในปี 1917 ทำให้ชาวยิวในรัสเซียอพยพเข้าไปอยู่ใน Harbin เกิดเป็นชุมชนชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกไกล แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญใน Harbin ตอนนี้คือโบสถ์ยิว 2 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาวยิวขนาดใหญ่ ชาวจีนรู้สึกตื่นเต้นที่เพิ่งได้รู้ว่า ประวัติศาสตร์ของจีนหาได้มีแต่เพียงหุ่นดินเผานักรบโบราณและเมืองต้องห้ามเท่านั้น แต่ยังหลากหลายไปด้วยวัฒนธรรมต่างชาติอื่นๆ อีกด้วย
เกาะเล็กๆ อันห่างไกลชื่อ Gulangyu ในมณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเขตเช่าของต่างชาติ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 17% ในปีนี้ ด้วยอาคารสไตล์วิกตอเรียที่สร้างโดยพ่อค้าชาวยุโรปและญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยศตวรรรษที่ 19 “พวกเขาต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบตะวันตก” Xie Lida ทายาทเจ้าของ Zhu Family Garden คอฟฟี่ช็อปที่ดังที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะแห่งนี้ กล่าวถึงนักท่องเที่ยวสัญชาติเดียวกัน คอฟฟี่ช็อปของเขาตกแต่งด้วยภาพ วาดชนบทของอังกฤษ และเสิร์ฟชาเอิร์ลเกรย์ด้วยชุดน้ำชาแบบอังกฤษ Xie บอกว่า หลายปีก่อนคนที่มาเที่ยวที่นี่มีแต่คนแก่ที่มา พร้อมกับหมวกและธงชาติ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่คนหนุ่มสาวที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เมนูในคอฟฟี่ช็อปของเขามีอาหารนานาชาติ ตั้งแต่ฮังการี ฝรั่งเศส อเมริกัน ใกล้ๆ กับร้านของเขา สถานกงสุลอังกฤษเก่าถูกดัดแปลงเป็นโรงแรม ซึ่งตั้งชื่อห้องพักแต่ละห้องตามชื่อคนดังๆ ในอังกฤษ เช่น Francis Bacon, J. K. Rowloing และ Romeo พระเอกของ Shakespeare
แต่ที่สุดของแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในจีนสำหรับปีนี้คงจะไม่มีที่ใดเกินงาน World Expo ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งจีนคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 70 ล้านคน งานนี้มีประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศจากทั่วโลก มาจัดซุ้มและศาลาประจำชาติอวดกัน ศาลาของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่คนจีนอยากไปเที่ยวมากที่สุด นำเสนออาหารและวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่คนจีนชื่นชอบ และอาหารโดยฝีมือเชฟ Michelin 3 ดาวคือพี่น้อง Pourcel พร้อมกับเพลงที่แต่งโดยทูตประจำงาน Expo ของฝรั่งเศสคือ Alain Delon ศาลาของออสเตรียใช้ทูตถึง 3 คน หนึ่งในนั้นคือ Sun Xiang นักฟุตบอลของจีนที่เล่นให้กับทีม Austria Vienna ลักเซมเบิร์กลงทุนขนย้ายอนุสาวรีย์ Gelle Fra World War I สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและอธิปไตยของประเทศ และหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่สุดของลักเซมเบิร์ก ข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 15,000 กิโลเมตร มาที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อมาโชว์ในงานนี้โดยเฉพาะ เดนมาร์กก็ไม่ยอมน้อยหน้า งานนี้ถึงกับลงทุน ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการขนย้ายประติมากรรมบรอนซ์หนัก 175 กิโลกรัม “Little Mermaid” ประติมากรรมประจำชาติที่โด่งดังที่สุดของเดนมาร์ก จากกรุงโคเปนเฮเกน มาโชว์ที่งานนี้ นางเงือกน้อยทอดร่างอยู่ในน้ำทะเลใสสะอาดที่มาจากเดนมาร์ก ยังเป็นการอวดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมของเดนมาร์กที่หวังจะขายให้แก่จีน ประเทศที่กลายเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของเดนมาร์ก รองจากสหรัฐฯ
“เทคโนโลยีสีเขียว” คือจุดเน้นของงาน World Expo ครั้งนี้ และสะท้อนถึงอิทธิพลของต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในจีน หลังคาของศาลา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทำจากเส้นใยถั่วเหลือง ศาลาของอินเดีย โปรโมตการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยแผงเซลล์สุริยะ กังหันลม สมุนไพรและไม้ไผ่ ศาลาของอังกฤษ ซึ่งจับมือกับสถาบันพฤกษศาสตร์คุนหมิงของจีน โชว์แท่งอะคริลิก 60,000 แท่ง แต่ละแท่งบรรจุเมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ด ที่มาจากโครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์ Millennium Seed Bank Project ของอังกฤษ เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของสวนและพื้นที่สีเขียว ในเมืองซึ่งจีนยังละเลยอยู่มาก สมกับสโลแกนประจำงาน World Expo ครั้งนี้ “Better city, better life”
การท่องเที่ยวนับเป็นเครื่องมือ ที่ให้การศึกษาแก่ชาวจีนเป็นอย่างดี และมีอิทธิพลต่อความคิดของชาวจีนรากหญ้าและนโยบายของรัฐบาล ท้องถิ่น โครงการทดลองยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติของเกาะไหหลำ ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ยังทำให้เจ้าหน้าที่จีนรู้สึกสบายใจมากขึ้น หากรัฐบาลจะออกนโยบายผ่อนคลายการควบคุมชายแดน และการเดินทางเข้าจีนของชาวต่างชาติ
รัฐบาลจีนยังวางแผนจะสร้างฐานปล่อยดาวเทียมบนเกาะไหหลำ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม เหมือนกับที่แหลม Canaveral ฐานปล่อยยานอวกาศในรัฐฟลอริดาในสหรัฐฯ นี่คือสิ่งที่สวนทางกับในยุคประธานเหมา ที่จีนจะต้องเก็บซ่อนสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ไม่ให้ทั้งคนจีนเองและต่างชาติได้รู้
แต่หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของจีนที่เกี่ยวกับการยอมรับความเป็นตะวันตกมากขึ้น อาจจะเป็นการที่ทางการจีนยอมอนุญาตให้เรือสำราญของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นเกย์สามารถเทียบท่าเมืองเซี่ยงไฮ้ได้ในปีนี้ และก่อนหน้านั้น จีนก็เพิ่งยกเลิกข้อห้ามที่มีมายาวนาน ซึ่งห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดเชื้อเอดส์เข้าประเทศ รสนิยมการท่องเที่ยวของคนจีนพัฒนาไปสู่สากลมากขึ้นแล้ว และประเทศจีนเองก็อาจจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน
แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง นิวสวีค
|
|
 |
|
|