เย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2528 ที่วัดมกุฎกษัตริยาราม ผู้คนกว่าพันคนในแวดวงธนาคารพาณิชย์
ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ต่างไปร่วมในงานพระราชทานเพลิงศพของ
พิสุทธิ์ นิมมานเหมินท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
หมายกำหนดการวันนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จมาเป็นประธานในพิธีในเวลา
17.00 น. แต่ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในงานตั้งแต่ก่อน 16.00 น. จนกระทั่ง 16.30
น. ที่นั่งที่เตรียมไว้ประมาณ 1,000 ที่นั่งเต็มหมด
ที่มามากที่สุดก็คือพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เรียกได้ว่ามาครบแทบทุกคน
ตั้งแต่ตัวกำจร สถิรกุล ผู้ว่าการลงมา เช่น วิจิตร สุพินิจ เอกกมล คีรีวัฒน์
เริงชัย มะระกานนท์ ดร.ศิริ การเจริญดี ประพาพิมพ์ ศกุนตาภัย ฯลฯ
ด้านธนาคารพาณิชย์ที่มากันหนาตาหน่อยได้แก่ประเภทที่เป็นศิษย์เก่าของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่าง
ประยูร จินดาประดิษฐ์ แห่งธนาคารทหารไทย ก็เกี่ยวก้อยมากับอนุตร์ อัศวานนท์
เข้าไปนั่งในแถวท้ายๆ ของงาน
ประจิตร ยศสุนทร นำทีมธนาคารไทยพาณิชย์ที่ล้วนเป็นอดีตพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยตามมาเป็นแผง เช่น
ชฎา วัฒนศิริธรรม ดร.โอฬาร ไชยประวัติ สถาพร ชินะจิตร ทีมธนาคารไทยพาณิชย์เนื่องจากมาล่าสักหน่อยเลยต้องยืนตลอดช่วงแรกของงาน
(พิธีเผาหลอก)
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม จากไทยทนุ ดุ่มเดินเข้ามาคนเดียวแล้วไปยืนรวมกลุ่มกับภรรยาที่ทีมธนาคารไทยพาณิชย์
บัญชา ล่ำซำ ยอดผู้จัดการแห่งปี 1 ใน 3 ของ “ผู้จัดการ” แห่งธนาคารกสิกรไทยก็มาคนเดียว
แทรกตัวเข้าไปนั่งกับบรรดาแขกที่มาร่วมงานโดยไม่สนใจกับคำเชิญชวนของเจ้าภาพ
ที่เชิญให้เข้าไปนั่งในศาลาข้างที่ประทับ บรรยงค์ ล่ำซำ ที่ตามมาทีหลังไม่นานยืนเก้ๆ
กังๆ อยู่พักจึงมีคนยกเก้าอี้มาให้นั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหลังอย่างสุดเหงา
ดร.อำนวย วีรวรรณ จากธนาคารกรุงเทพ ไม่รู้ว่าเพิ่งเสร็จจากงานไหนมา ใบหน้าค่อนข้างแดงกร่ำเดินจ้ำไปนั่งที่ศาลาข้างที่ประทับ
อุเทน เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการธนาคารศรีนคร เข้ามาถึงตอนที่ที่นั่งทั้งหมดเต็มต้องยืนอยู่ร่วม
10 นาที กว่าเจ้าภาพจะเชิญไปนั่งรวมกับ ดร.อำนวย วีรวรรณ
บรรเจิด ชลวิจารณ์ เจ้าพ่อธนาคารสหธนาคาร พาร่างอันสูงใหญ่ไปนั่งแถวหน้าร่วมกับบรรดาผู้อาวุโสอดีตผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย
ทีมงานจากคลังที่เห็นชัดๆ ก็มีสุธี สิงห์เสน่ห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ และพนัส
สิมะเสถียร ปลัดกระทรวง สมหมาย ฮุนตระกูล อดีตลูกหม้อเก่าธนาคารแห่งประเทศไทยและเจ้ากระทรวงคลังไม่ทราบติดงานอะไรมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
เสียงคุยกันในงานซาลงอย่างผิดสังเกตเมื่อนุกูล ประจวบเหมาะ ก้าวเข้ามาด้วยมาดทระนงอันเจนตารับไหว้จากพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมกับเดินเอื่อยไปนั่งในที่นั่งซีกขวาของงาน
ซีกเดียวกับกำจร สถิรกุล โดยมีพนักงานธนาคารชาติคนหนึ่งเสียสละที่นั่งให้
มองจนตาแทบประทุตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งงานเลิกไม่เห็นมีการทักทายกันระหว่างอดีตผู้ว่าการนุกูล
ประจวบเหมาะ กับกำจร สถิรกุล ผู้ว่าการคนปัจจุบัน อ้าว ไหนว่าไม่โกรธกัน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาถึงตามเวลาในหมายกำหนดการ บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายต่างประพฤติเป็น
“ไทยมุง” เข้าไปออติดกับลาดพระบาททิ้งเก้าอี้ของตนไปอย่างไม่สนใจ
พอเสด็จผ่านไปแล้วหลายคนกลับมาที่เก้าอี้ของตนปรากฏว่ามีคนตัดหน้าแย่งนั่งไปแล้ว
หนึ่งในหลายคนนั้นก็คือบรรยงค์ ล่ำซำ ซึ่งภายหลังคนที่ทำตัวเป็นลิงชิงหลักจะจำหน้าได้หรืออย่างไรไม่แจ้งชัดจึงต้องสละเก้าอี้ที่เพิ่งชิงมาได้ให้เจ้าของเดิมไป
แขกประมาณครึ่งหนึ่งกลับไปหลังจากพิธีเผาหลอกและหลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จกลับ
กลุ่มหนึ่งที่เป็นกลุ่มใหญ่และเป็นที่สนใจของคนในงานก็คือกลุ่มที่นุกูล
ประจวบเหมาะซึ่งนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติกับศุกรีย์ แก้วเจริญ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โดยมีสุธี สิงห์เสน่ห์ ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ หลานของผู้ตายร่วมคุยด้วย
ที่นั่งติดกับธารินทร์ก็คือชวลิต ธนะชานันท์ อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่ไปนั่งเป็นประธานกรรมการบริหารที่ธนาคารศรีนคร ถัดอกมาก็เป็นชฎาและไพบูลย์
วัฒนศิริธรรมคนอยู่บ้านเดียวกันแต่ทำงานคนละแบงก์
พอนุกูล ประจวบเหมาะ เดินลงมาจากเมรุตอนเผาจริง ก็ต้องชะงักอยู่นานเพราะถูกรุมล้อมโดยพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยที่ปราดไปยกมือไหว้
และซักถามสารทุกข์สุข ส่วนพนัส สิมะเสถียร เดินวนอยู่ใกล้ๆ คู่นี้ก็ไม่ทักกัน
“หัวหน้าสบายดีหรือคะ พวกเราคิดถึง” พนักงานสาวสวยคนหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทยจีบปากจำนรรจ์กับอดีตผู้ว่าการคนแรกที่ถูกสั่งปลด
“จริงเหรอ” เสียงตอบจากนุกูล ประจวบเหมาะ ถามกลับมาด้วยใบหน้าแช่มชื่น
แม้เหงื่อจะไหลโทรมหน้าด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว
จากนั้นก็เดินออกมา ซึ่งตลอดทางมีพนักงานแบงก์ชาติคอยทำความเคารพ ทำให้ต้องรับไหว้ดะเรื่อยมา
จนสุธี สิงห์เสน่ห์ เดินเข้าไปเคียงคู่เปรยหยอกๆ ว่า “แหม รับไหว้ตลอดทางเลยนะ”
และนุกูลหันไปกระซิบตอบว่า “เขาไหว้เรา เราไม่ไหว้ตอบได้หรือ”
“เรื่องนั้นว่ายังไง ตัดสินใจอย่างไร” สุธี สิงห์เสน่ห์ ถามนุกูล
ประจวบเหมาะ เมื่อออกมายืนนอกบริเวณงาน ซึ่งนุกูลก็ตอบไปว่า “ลองไปคิดดูกันเองสิ”
ก่อนที่จะก้าวขั้นไปนั่งบนโตโยต้าสีทองบรอนซ์ รุ่นโคโรล่า ดีเอ็กซ์ ที่คนขับมาเทียบ
“ผู้จัดการ” เดินออกมาทางประตูอีกข้างหนึ่ง เผอิญเจอกับกำจร
สถิรกุล เดินออกมาพร้อมกับพระภิกษุที่นิมนต์มาในพิธี นึกว่าหายไปไหน ที่แท้แอบหลบไปคุยกับพระนี่เอง
อ้อเกือบลืมไป อดีตผู้ว่าการอีกคนคือ ดร.เสนาะ อูนากูล เลขาธิการสภาพัฒนาฯ
ก็มานั่งหลบมุมเงียบๆ คุยกับพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ลองดูรูปเอาเองก็แล้วกันว่ามาดของบรรดาศิษย์เก่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่มาร่วมชุมนุมกันในวันนั้นใครเจ็บกว่าใคร
ที่รู้สึกเสียดายไม่หายก็คืองานนี้ถ้าสมหมาย ฮุนตระกูล มาด้วย คงมีรูปทีเด็ดที่ดูกันไม่จืดมาให้ผู้อ่าน
“ผู้จัดการ” ชมกันอีกหลายรูป