หุ้นไทยวิ่งแรง ปิดตลาดวานนี้ทะลุ 806.07 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 14.22 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคักเกือบ 3 หมื่นล้าน สอดคล้องตลาดหุ้นเอเชีย ขานรับข่าวจีนประกาศยืดหยุ่นค่าเงินหยวน ด้านโบรกเกอร์ระบุ จะส่งผลดีระยะสั้น เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นปีนี้ใหม่ หลังผลประกอบการบจ.-เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (21 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่น โดยมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ หลังจีนประกาศยืดหยุ่นค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข่งค่าขึ้น และทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียอีกครั้ง
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวทะลุแนวต้านสำคัญที่ 800 จุดได้เป็นผลสำเร็จ แตะระดับสูงสุดที่ 807.69 จุด ต่ำสุดที่ 799.07 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 806.07 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 14.22 จุด หรือคิดเป็น 1.80% มูลค่าการซื้อขายกว่า 29,913.40 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 965.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,644.51 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 974.01 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,584.28 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 257 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือคิดเป็น 1.98% มูลค่าการซื้อขาย 2,351.01 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดที่ 85.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 2.71% มูลค่าการซื้อขาย 1,821.80 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 126.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 4.98% มูลค่าการซื้อขาย 1,425.97 ล้านบาท
***หุ้นเอเชียบวกถ้วนหน้า***
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า โดยตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ระดับ 20,912.18 จุด เพิ่มขึ้น 625.47 จุด หรือ 3.08% ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 10,238.01 จุด เพิ่มขึ้น 242.99 จุด หรือ 2.43% ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ ปิดที่ 2,885.64 จุด เพิ่มขึ้น 52.24 จุด หรือ 1.84% ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิต ปิดที่ 1,335.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด หรือ 1.34% และตลาดหุ้นโซล ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) เกาหลีใต้ ปิดที่ 1,739.68 จุด เพิ่มขึ้น 27.73 จุด หรือ 1.62%
***รับข่าวดีจีนผ่อนปรนเงินหยวน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 806 จุด เนื่องจาก ได้รับผลดีจากปัจจัยภายนอกกรณีจีนจะใช้นโยบายผ่อนปรนค่าเงินหยวน ทำให้หลาย ๆ ประเทศซึ่งเคยผลักดันให้คลายความกังวลแต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจของยุโรป หรือแม้แต่ของสหรัฐอเมริกา ยังไม่เห็นภาพชัดเจน จึงทำให้ภาพการเติบโตเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มดัชนีเป้าหมายสิ้นปีนี้เป็น 887 จุด จาก 850 จุด สาเหตุเนื่องจากประเมินแล้วว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ จะยังโตได้ในระดับ 15% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ แต่เนื่องจากกำไรของบจ.ไตรมาสแรกขยายตัวสูงจะครอบคลุมการขยายตัวในไตรมาสอื่น ๆ และการขยับเป้าหมายดังกล่าวถือว่าเล็กน้อยไม่ได้มีนัยสำคัญใด ๆ มากนัก
สำหรับดีบีเอสประเทศไทย จะร่วมมือกับดีบีเอสในฮ่องกง จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมกันจัดโรดโชว์พาบจ.ไปพบกับนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค. นี้ โดยจะพาบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป(MAJOR) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) และบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)
***โบรกเกอร์เล็งเพิ่มเป้าดัชนีปีนี้***
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้ จากเดิมที่มองไว้ 820 จุด เพราะขณะนี้ดัชนีใกล้ถึงระดับเป้าหมายที่มองไว้ ส่วนกรณีจีนจะผ่อนปรนค่าเงินนั้นจะทำให้ค่าเงินหยวนของจีนแข็งค่า ผลดีระยะสั้นทำให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในเอเชีย ส่วนระยะยาวจะทำให้จีนลดการส่งออกและกลายมาเป็นผู้ซื้อมากขึ้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาจมีการปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มองไว้สิ้นปีมีโอกาสแตะ 827 จุด ภายใต้จีดีพีเติบโต 4% ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจะแข็งแกร่ง มีการเติบโตดี โดย 3 เดือนที่ผ่านมามีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน อาทิ การแถลงจีดีพีไตรมาส 1/2553 เติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2553 ตัวเลขการส่งออกก็ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง นอกจากนี้การที่ธนาคารต่างๆ ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่มีความเสี่ยงก็ยังเป็นปัจจัยจากกรณีวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป โดยในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ จะส่งแบบสำรวจให้กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าช่วงต้นเดือน ก.ค. นักวิเคราะห์จะส่งแบบสำรวจกลับ และต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูล ซึ่งหลังจากตัวเลขเรียบร้อยแล้วจะแถลงตัวเลขให้ทราบ
**“กรณ์” ชี้แผนปรองดองหนุนหุ้นบวก**
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหลักหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากและเคลื่อนไหวเชิงบวก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายหลังจากนายกรัฐมนตรีออกมายืนยินเดินหน้าแผนปฎิรูปเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจตามมา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเองก็อยู่ในเชิงบวกทั้งการส่งออกที่ขยายตัวสูงมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ไทยเดินดุลการค้าล่าสุดถึง 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงความมีเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมของไทย
"ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากแผนปรองดองของนายกรัฐมนตรีมีผู้เห็นด้วยกับวิธีการและแนวร่วมเป็นวงกว้างมากขึ้น จะท้อนความเชื่อมั่นส่งผลให้ดัชนีมีแนวโน้มที่ดีขึ้น" นายกรณ์กล่าว
|