Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน22 มิถุนายน 2553
หุ้นไทยทะยาน800จุด โบรกฯจ่อปรับดัชนี             
 


   
search resources

Stock Exchange




หุ้นไทยวิ่งแรง ปิดตลาดวานนี้ทะลุ 806.07 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 14.22 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคักเกือบ 3 หมื่นล้าน สอดคล้องตลาดหุ้นเอเชีย ขานรับข่าวจีนประกาศยืดหยุ่นค่าเงินหยวน ด้านโบรกเกอร์ระบุ จะส่งผลดีระยะสั้น เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นปีนี้ใหม่ หลังผลประกอบการบจ.-เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง

บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (21 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่น โดยมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ หลังจีนประกาศยืดหยุ่นค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข่งค่าขึ้น และทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียอีกครั้ง

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวทะลุแนวต้านสำคัญที่ 800 จุดได้เป็นผลสำเร็จ แตะระดับสูงสุดที่ 807.69 จุด ต่ำสุดที่ 799.07 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 806.07 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 14.22 จุด หรือคิดเป็น 1.80% มูลค่าการซื้อขายกว่า 29,913.40 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 965.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,644.51 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 974.01 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,584.28 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 257 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือคิดเป็น 1.98% มูลค่าการซื้อขาย 2,351.01 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดที่ 85.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 2.71% มูลค่าการซื้อขาย 1,821.80 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 126.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 4.98% มูลค่าการซื้อขาย 1,425.97 ล้านบาท

***หุ้นเอเชียบวกถ้วนหน้า***

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า โดยตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ระดับ 20,912.18 จุด เพิ่มขึ้น 625.47 จุด หรือ 3.08% ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 10,238.01 จุด เพิ่มขึ้น 242.99 จุด หรือ 2.43% ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ ปิดที่ 2,885.64 จุด เพิ่มขึ้น 52.24 จุด หรือ 1.84% ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิต ปิดที่ 1,335.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด หรือ 1.34% และตลาดหุ้นโซล ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) เกาหลีใต้ ปิดที่ 1,739.68 จุด เพิ่มขึ้น 27.73 จุด หรือ 1.62%

***รับข่าวดีจีนผ่อนปรนเงินหยวน

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 806 จุด เนื่องจาก ได้รับผลดีจากปัจจัยภายนอกกรณีจีนจะใช้นโยบายผ่อนปรนค่าเงินหยวน ทำให้หลาย ๆ ประเทศซึ่งเคยผลักดันให้คลายความกังวลแต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจของยุโรป หรือแม้แต่ของสหรัฐอเมริกา ยังไม่เห็นภาพชัดเจน จึงทำให้ภาพการเติบโตเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มดัชนีเป้าหมายสิ้นปีนี้เป็น 887 จุด จาก 850 จุด สาเหตุเนื่องจากประเมินแล้วว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ จะยังโตได้ในระดับ 15% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ แต่เนื่องจากกำไรของบจ.ไตรมาสแรกขยายตัวสูงจะครอบคลุมการขยายตัวในไตรมาสอื่น ๆ และการขยับเป้าหมายดังกล่าวถือว่าเล็กน้อยไม่ได้มีนัยสำคัญใด ๆ มากนัก

สำหรับดีบีเอสประเทศไทย จะร่วมมือกับดีบีเอสในฮ่องกง จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมกันจัดโรดโชว์พาบจ.ไปพบกับนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค. นี้ โดยจะพาบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป(MAJOR) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) และบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)

***โบรกเกอร์เล็งเพิ่มเป้าดัชนีปีนี้***

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้ จากเดิมที่มองไว้ 820 จุด เพราะขณะนี้ดัชนีใกล้ถึงระดับเป้าหมายที่มองไว้ ส่วนกรณีจีนจะผ่อนปรนค่าเงินนั้นจะทำให้ค่าเงินหยวนของจีนแข็งค่า ผลดีระยะสั้นทำให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในเอเชีย ส่วนระยะยาวจะทำให้จีนลดการส่งออกและกลายมาเป็นผู้ซื้อมากขึ้น

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาจมีการปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มองไว้สิ้นปีมีโอกาสแตะ 827 จุด ภายใต้จีดีพีเติบโต 4% ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจะแข็งแกร่ง มีการเติบโตดี โดย 3 เดือนที่ผ่านมามีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน อาทิ การแถลงจีดีพีไตรมาส 1/2553 เติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2553 ตัวเลขการส่งออกก็ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง นอกจากนี้การที่ธนาคารต่างๆ ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่มีความเสี่ยงก็ยังเป็นปัจจัยจากกรณีวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป โดยในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ จะส่งแบบสำรวจให้กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าช่วงต้นเดือน ก.ค. นักวิเคราะห์จะส่งแบบสำรวจกลับ และต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูล ซึ่งหลังจากตัวเลขเรียบร้อยแล้วจะแถลงตัวเลขให้ทราบ

**“กรณ์” ชี้แผนปรองดองหนุนหุ้นบวก**

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหลักหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากและเคลื่อนไหวเชิงบวก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายหลังจากนายกรัฐมนตรีออกมายืนยินเดินหน้าแผนปฎิรูปเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจตามมา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเองก็อยู่ในเชิงบวกทั้งการส่งออกที่ขยายตัวสูงมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ไทยเดินดุลการค้าล่าสุดถึง 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงความมีเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมของไทย

"ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากแผนปรองดองของนายกรัฐมนตรีมีผู้เห็นด้วยกับวิธีการและแนวร่วมเป็นวงกว้างมากขึ้น จะท้อนความเชื่อมั่นส่งผลให้ดัชนีมีแนวโน้มที่ดีขึ้น" นายกรณ์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us