เปิดพอร์ตคลังที่ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 23 หลักทรัพย์
มูลค่า ตลาดรวม (มาร์เกตแคป) เกือบ 3 แสนล้านบาท หรือ 8.53% ของมูลค่าตลาดรวมตลาดหุ้นไทยขณะนี้
ที่ 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายซื้อของกองทุนวายุภักษ์นอกตลาดหุ้น ที่มีสิทธิขายหุ้นเหล่านี้ในตลาดฯ
หากราคาพุ่งเกินปัจจัยพื้นฐาน แต่ต้องซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันคืน
หุ้นที่กระทรวงการคลังถือสูง สุดได้แก่ หุ้นบุริมสิทธิธนาคารทหาร ไทย (TMB-P)
ถือ 100% ธนาคาร กรุงไทย (KTB-P) 99.13% ของทุน ทุนจดทะเบียน หรือจำนวนหุ้นรวม
5.45 ล้านหุ้น
หุ้นสามัญการบินไทย (THAI) ถือ 79.46% ของทุนจดทะเบียน หรือ 1.11 พันล้านหุ้น
หุ้น ปตท. (PTT) 69.28% คิดเป็น 1.93 พันล้าน หุ้นบุริมสิทธิธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB-P)
62.33% หรือ 1.19 พันล้านหุ้น
หุ้นบุริมสิทธิ บง.สินเอเชีย (ACL-P) ถือยู่ 51.58% 486 ล้านหุ้น หุ้นสามัญบางจากปิโตรเลียม
(BCP) ถือ 47.87% 249 ล้านหุ้น หุ้นเอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ (NEP) 29.46% 29.58
ล้านหุ้น หุ้น บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) ถืออยู่ 16.67% 2 ล้านหุ้น และหุ้นบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(IFCT) 14.16% 169 ล้านหุ้น หุ้นผาแดง (PDI) 13.81% 31.20 ล้านหุ้น
หุ้นอื่นๆ ถือหุ้นต่ำกว่า 10% ของทุนจดทะเบียนแต่ละบริษัท ได้แก่ KTB 3.71% 414
ล้านหุ้น หุ้น SCB 1.26% 15.21 ล้านหุ้น หุ้นสามัญธนาคารกรุงเทพ (BBL) 2.33% 34.13
ล้านหุ้น หุ้น บุริมสิทธิ บง. ทิสโก้ (TISCO-P) 0.20% 3.1 แสนหุ้น ทิพยประกันภัย
(TIP) 3.52% 8.4 แสนหุ้น ทุ่งคา ฮาร์เบอร์ (THL) 3.14% 15 ล้านหุ้น หุ้นซิโน-ไทย
เอ็นจิเนียริ่ง (STECON) 0.06% 6.5 แสนหุ้น หุ้นปูนกลาง (SCCC) 1.80% 4.50 ล้านหุ้น
หุ้นฟินิกซ์ พัลพ์ แอนด์ เพเพอร์ (PPPC) 3.34% 3.67 ล้านหุ้น กรุงเทพประกันภัย
(BKI) 2.99% 8.9 แสนหุ้น กรุงเทพโสภณ (KWC) 8.36% 5.01 แสนหุ้น ปุ๋ยแห่งชาติ (NFC)
6.29% 82.64 ล้านหุ้น
เป้าหมายกองทุนวายุภักษ์
นายชัยวัฒน์ โกวาวิสารัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นอราวด์ ในฐานะที่ปรึกษาการเงินกองทุนรวมวายุภักษ์
กล่าวว่า กองทุนฯจะเลือกลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
ซึ่งการตกลงกับกระทรวงการคลัง จะซื้อ นอกตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งจะซื้อทั้งหุ้นเอกชน
และรัฐวิสาหกิจ ที่คลังถืออยู่ นโยบายกระทรวงการคลัง จะคงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไว้
กองทุนฯ มีสิทธิจะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ได้ เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อมา สูงขึ้นกว่าราคาเหมาะสม
ของปัจจัยพื้นฐาน คาดว่า 3 ปีข้างหน้า กองทุนฯ จะสามารถซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
นอก จากนี้ กรณีถึงเวลากำหนดจะซื้อหุ้นคืน กองทุนฯ สามารถซื้อหุ้นบริษัทใดก็ได้
แต่ต้องมีปัจจัยพื้นฐานใกล้เคียงกับหุ้นที่กระทรวงการคลังเคยถือ