|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ TMI เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส2/53อาจจะออกไม่ดี เนื่องจาก ในเดือนเมษายนที่ผ่านมามีวันหยุดหลายวัน ซึ่งทำให้มีผลทำให้ยอดขายในเดือนเมษายนปรับตัวลดลง 30% และได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาประกอบกับไตรมาส2นั้นเป็นช่วงที่บริษัทมียอดขายต่ำ ( โลซีซัน ) แต่ในช่วงไตรมาส3และไตรมาส 4 นั้นเป็นช่วงที่บริษัทมียอดขายสูง (ไฮด์ซีซัน )
ทั้งนี้ ภาพรวมผลประกอบการปีนี้ทั้งปียังมีการเติบโตที่ดี เพราะผลงานไตรมาแรกปี 53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.8 ล้านบาท และมีรายได้รวม 86 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท โดยรายได้รวมปีนี้เชื่อว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่จะโต 17-20% จากปี 2552 ที่มีรายได้รวม 299 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการติดต่อขายสินค้าโดยตรงกับหน่วยงานราชการ และกับผู้ซื้อสินค้าโดยตรงทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดี
" ไตรมาส 1 ของบริษัทออกมาดีมาก ส่วนไตรมาส2 นั้น บริษัทยังห่วงอยู่ จากเดือนเมษายนเดือนเดียวยอดขายปรับตัวลดลง 30% จากเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะ และยังได้รับผลกระทบจาการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงเป็นช่วงโลซีซันของผลการดำเนินงานบริษัท "นายธีระชัยกล่าว
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ร้านค้าส่ง ร้านค้าในแต่ละจังหวัด ร้านค้าในกรุงเทพปริมณฑลในการหาลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น โดยจะมีการกระจายตัวแทนจำหน่ายสินค้า ( ดีเลอร์ ) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ยังขาดอยู่คือภาคตะวันออก เพื่อทำให้บริษัทมีสินค้าจำหน่ายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
นายธีระชัยกล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ในการหันมาเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่าน โมเดิร์นเทรด และเจาะตลาดลูกค้าโครงการมากขึ้น โดยจะเน้นการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูง อันเป็นผลจากการที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นมาเอง เช่น รีโมทสวิทซ์ และ Click-set และบริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าไปขายในต่างประเทศ คือ อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศเอเซียใต้มากขึ้นด้วย ปัจจุบันบริษัทมีกำกลังการผลิตรวม 3.5 แสนชิ้นต่อเดือน
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆได้ แก่ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์บัลลาสต์ และหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งแบ่งเป็นบัลลาสต์สำหรับหลอดไฟในอาคารบ้านเรือน 31.53% บัลลาสต์สำหรับหลอดไฟฟ้าประจุความเข้มสูง 21.36% หม้อแปลงสำหรับหลอดฮาโลเจน 8.31% 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้าแบบปล่อยประจุความเข้มสูง 3.77% 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ส่วนควบคุมที่ใช้ในวงจรไฟฟ้าแสงสว่าง Control Gear 6.07% 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์อำนวยความสะดวกภายในบ้าน 1.17% และ 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้า 26.59%
|
|
|
|
|