อดีตเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้จบสิ้นลงแล้วเช่นกัน จะคงเหลืออยู่ก็เพียงความรู้สึกต่างๆ
ต่อเหตุการณ์นั้น ที่ได้กลายมาเป็นความทรงจำ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หลากหลาย
หากใครคนใดยังยึดมั่นต่อความทรงจำบางเรื่องอย่างเหนียวแน่นอาจจะทำให้ปัจจุบันยังคงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผูกพันนั้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ไมเคิล ไอสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์จัดเป็นผู้หนึ่งที่ตกอยู่ภายใต้วังวนข้างต้น
เพราะความที่มักจะครุ่นคิดถึงแต่มหาวิทยาลัยที่เขาผูกพันอย่างแน่นแฟ้นคือ
มหาวิทยาลัยเดนิสันใน โอไฮโอ ด้วยเหตุผลสั้น ๆ "ผู้หญิง..ที่เดนิสันมีผู้หญิง"
แน่นอนที่ไอสเนอร์ย่อมจะต้องตื่นเต้นกับผู้หญิงเป็นธรรมดา เนื่องจากตลอดชีวิตการเรียนที่ผ่านมากระทั่งอายุ
18 ปี ไอสเนอร์ร่ำเรียนอยู่แต่ในโรงเรียนชายล้วน
แม้ว่าไอสเนอร์จะรู้ทั้งรู้ว่าเขาได้ทำให้พ่อซึ่งเป็นนักกฎหมายและแม่ผิดหวังก็เลือกเดนิสันเป็นที่เรียน
เพราะท่านทั้งสองไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แต่ความฝันอันบรรเจิดของหนุ่มน้อยรุ่นกระทงที่จะเกี่ยวเกี่ยวความรู้สึกหวานไหวจากเดนิสัน
ก็ทำให้เขาเลือกที่นี่เรียนจนกระทั่งได้รับปริญญาในวิชาวรรณคดีอังกฤษ และการละคร
ความที่ไม่เคยลืมความทรงจำเมื่อครั้งอยู่เดนิสัน เขาจึงปรารถนาที่จะมองแต่สิ่งดี
ๆ ในมหาวิทยาลัยที่มีอายุกว่า 160 ปีแห่งนี้ ด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมทุนให้เดนิสัน
60 ล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี โดยการร่วมมือของเดนิสันในการมอบรายมือของเดนิสัน
60 ล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี โดยการร่วมมือของเดนิสันในการมอบรายชื่อศิษย์เก่าที่พอมีอันจะกินให้
อย่างนี้เท่ากับความทรงจำของไอสเนอร์เป็นบ่วงบาศก์มัดปัจจุบันของตัว เพราะไอสเนอร์ถนัดแต่การทำธุรกิจที่ดิสนีย์มากกว่าการหานักเรียนเข้าเรียนที่เดนิสัน
จึงไม่ต้องประหลาดใจที่ลูกชายของไอสเนอร์สองคนแรกเลือกเรียนที่วิทยาลัยแห่งอื่น
"พวกเขาไม่อยากเดินตามรอยของพ่อ แต่ผมยังมีลูกชายคนที่สาม หากผมสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้
เขาอาจจะเข้าเรียนที่เดนิสันก็เป็นได้"
ไอสเนอร์มักจะกลับไปที่เดนิสันเสมอ ไม่ว่าจะไปกล่าวสุนทรพจน์ในงานมอบปริญญาบัตร
หรือการไปเยี่ยมเยือนตามปกติ อันเป็นผลทางอ้อมที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของเขา
"กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชมภาพยนตร์ของผม เป็นวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัง
ดังนั้นผมจึงรักที่จะมาเยี่ยม, สัมผัส, สร้างความรู้สึก และพักอาศัยที่นี่"