Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2535
ที่ปรึกษาลงทุนอินโดจีนเกิดอีกราย             
 


   
search resources

สุธีร์ รัตนนาคินทร์
International
บีไอจี อินเตอร์เนชั่นแนล




ชื่อเสียงของ "สุธีร์ รัตนนาคินทร์" เป็นที่รู้จักกันดีของวงการตลาด สุธีร์ไม่ได้เป็นนักการตลาดโดยตรงเหมือนเช่นนักการเมืองชื่อดังคนอื่น ๆ ก็จริง แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้สุธีร์โด่งดังในวงการธุรกิจต่าง ๆ ได้ก็คือ การเป็นนักล็อบบี้ยีสต์ตัวยง

จะว่าไปแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน สุธีร์ได้โชว์ความสามารถให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นนักล็อบบี้ยีสต์ คือ การวิ่งเต้นเข้านอกออกในจับเส้นจับสายผู้ใหญ่บางคนไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือผู้บริหารในองค์การโทรศัพท์

ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ถือว่าเป็นความถูกต้องและยุติธรรมของธุรกิจคือ เรื่องของการต่ออายุสัญญาสัมปทานการพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ ที่จีทีอีได้เป็นผู้ผูกขาดสัมปทานนี้มาตลอดถึง 17 ปีเต็ม แต่ต้องมีอันเป็นไปเมื่อมีคู่แข่งหน้าใหม่มาแรงแน่นหนาไปด้วยสายสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ถึงกับทำให้จีทีอีสั่นคลอนกลายเป็นผู้แพ้ไปในที่สุด

แต่กว่าจะเป็นผู้แพ้ตัวจริงสุธีร์ก้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของตนได้อย่างแจ่มชัด ที่สามารถจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ต่อได้ในขณะที่ผู้ชนะประมูล ได้สัมปทานคือเอทีแอนด์ทีก็ทำของตนเองไปจนกลายเป็นการแข่งขันซึ่งกันและกัน

การวิ่งเต้นในครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงของสุธีร์ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล วงการธุรกิจ สื่อมวลชนหรือใครก็ตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างถูกจับตามองและติดตามกระแสข่าวกันไม่ห่าง

วันนี้จีทีอีจะแพ้หรือยัง !!! กลายเป็นปุจฉาช่วงนั้นนอกจากจะเป็นนักล็อบบี้ยีสต์แล้ว ยังเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่เก่งกาจอีกด้วยเพราะต้องออกมาให้ข่าวแสดงทั้งสปิริต แสพงถึงความถูกต้อง และแสดงถึงความมั่นคงของบริษัทเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของพนักงานให้กลับคืนมา รวมทั้งต้องหาทางแก้ปัญหาปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อไม่ให้บริษัทล้มไปเพื่อการแพ้ประมูล

"ธุรกิจที่เดินอยู่บนเส้นด้ายของความเสี่ยงสูง แต่ก็เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้งดงามตามความเสี่ยงนั้น ๆ คือ ธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการได้สัมปทานไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่การที่จะให้ได้มาซึ่งชัยชนะในแต่ละครั้งของการประมูลหัวใจสำคัญต้องอยู่ที่การมีสายสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับผู้ใหญ่ในสายนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน" เป็นคำกล่าวที่สุธีร์ รัตนนาคินทร์กรรมการผู้จัดการบริษัทบีไอจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทใหม่ที่ต้องขึ้นหลังจากยุบจีทีอีเคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ขณะเดียวกันความยุ่งยากวุ่นวายของการทำธุรกิจที่เข้าไปเกี่ยวพันธ์กับหน่วยงานราชการก็มักสร้างปัญหาตามหลังให้ต้องสะสางแก้ไขก็มีมากมายพอ ๆ กับ ผลประโยชน์ที่ได้รับเช่นกัน เป็นคำบอกเล่าจากประสบการณ์ที่สุธีร์เคยได้รับมาตลอด ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ย่อมเป็นที่รู้ในวงกว้างของผู้ที่ทำธุรกิจในเมืองไทย

สุธีร์เริ่มต้นชีวิตการทำงานมาจากสายงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ซึ่งหลังจากจบการศึกษานิเทศศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทด้านการตลาดจากชิคาโก้ในอเมริกาเมื่อกลับเมืองไทยก็ได้ทำหน้าที่เป็นเรือจ้างในสายการตลาดและโฆษณาที่จุฬาฯ ได้ 2 ปีจึงหันเหอาชีพนี้มาตลอดตั้งแต่ปี 2524 เป็นต้นมาแต่ก็ยังไม่พ้นการใช้คำพูดเพื่อความเชื่อถือคล้ายงานสอนหนังสือเช่นกัน

โดยการเริ่มต้นงานประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายที่บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยได้ 6 ปี และขยับขยายมาสู่วงการโฆษณาที่บริษัทเอเมกซืแอดเวอร์ไทซิ่งซึ่งสมัยนั้นยังเป็นเอเม๊กซ์แอนด์เกรย์อยู่เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมาก่อนที่จะสร้างชื่อเสียงโด่งดังเพราะงานประมูลสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ระหว่างจีทีอีที่สุธีร์ ตัดสินใจลาออกมาจากเอเม๊กซ์ และเข้าไปเป็นผู้บริหารให้ในปีแรกของการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับองค์การโทรศัพท์พอดี คือ พ.ศ. 2529 กับเอทีแอนด์ที ซึ่งมีกลุ่มศรีกรุงวัฒนาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ในองค์การโทรศัพท์จนได้ไปในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ สุธีร์เองก็ยังไม่ได้ละทิ้งหน้าที่เรือจ้างเสียทีเดียวยังคงวนเวียนอยู่กับงานสอนหนังสือที่มีใจรักมาแต่แรก หรือแม้แต่จะเป็นนักธุรกิจและเจ้าของกิจการอย่างเต็มตัวแล้วก็ตาม คือบริษัทบีไอจี อินเตอร์เนชั่นแนลและมีบริษัทในเครืออีกหลายบริษัท รวมทั้งฟาสต์ฟูดที่นำแฟรนไชส์ "อาร์บี้ส์" จากอเมริกาเข้ามา แต่สุธีร์ยังคงทำหน้าที่ของเรือจ้างไปในตัวด้วยตลอดเวลา คือการสอนงานให้กับพนักงานได้เรียนรู้มากขึ้นกว่าการทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพไปวัน ๆ เท่านั้น

"ถ้าสังเกตให้ดี คนที่เป็นประชาสัมพันธ์โดยสายเลือด เมื่อคิดจะพูดหรือทำอะไรก็มักจะเอนเอียงเข้าหาการประชาสัมพันธ์ตลอดเวลา" คนในวงการที่ใกล้ชิดกับสุธีร์อธิบายให้ฟังถึงลักษณะของสุธีร์ที่มักจะไม่ทิ้งการเป็นนักประชาสัมพันธ์ของเขา ดังนั้นจะเห็นได้ว่าธุรกิจที่สุธีร์ทำมักจะหนี้ไม่พ้นงานที่ต้องใช้การพูดโน้มน้าวเป็นหลัก หากแม้ไม่ใช้โดยตรงก็เฉียด ๆ

เช่นธุรกิจใหม่ล่าสุดที่สุธีร์เปิดดำเนินการโดยตัดสินใจเข้าร่วมกับคนต่างชาติคือธุรกิจการพัฒนาธุรกิจ (BUSINESS DEVELOPMENT) ซึ่งบริษัทที่เปิดใหม่นี้ตั้งอยู่ที่ มินีอาโปลิส รัฐมินิโซต้าโดยการร่วมทุนกับ มร.เรย์มอน จอห์นสันภายใต้ชื่อบริษัท INTREGRATED PARNNERSHIP จำกัด บริษัทใหม่นี้ทำหน้าที่ในการพัฒนาธุรกิจหากกกลยุทธ์ วางแผน สำรวจเจรจาต่อรองและเป็นตัวเชื่อมที่จะหาคนท้องถิ่นในประเทศที่เป็นเป้าหมายเข้าร่วมทุนลงทุนทำธุรกิจที่เหมาะสมในประเทศนั้น ๆ

สุธีร์กล่าวว่าขณะนี้ประเทศที่อเมริกาสนใจมากที่สุดคือ ประเทศทางแถบอินโดจีน ซึ่งประเทศเหล่านี้ยังคงเป็นประเทศที่มีความบริสุทธิ์ทางการค้าเหมาะแก่การลงทุนอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะยังคงติดปัญหาเรื่อง EMBARGO อยู่ก็ตาม แต่ที่คาดหวังกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้อเมริกาจะยุติและยกเลิกข้อตกลงการกีดกั้นทางการค้านี้ไปในที่สุด

หลังจากเปิดบริษัทใหม่ได้ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ สุธีร์เล่าว่ามีประเทศที่ให้ความสนใจและกำลังอยู่ในระหว่างการทำการศึกษาความเป็นไปได้คือในเมืองไทย 5 ราย เวียดนาม 3 ราย อินโดนีเซีย 2 ราย ซึ่งประเทศเหล่านี้ (ยกเว้นประเทศไทย) จะต้องหาข้อมูลมาสนับสนุนการลงทุนให้ได้อย่างแจ่มชัดเพื่อป้องกันการตัดสินใจผิดพลาด

จะว่าไปแล้วในการหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนการลงทุนนี้จะใช้สายสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมทางการค้าเป็นผู้ที่ค้นหาข้อมูลที่แท้จริง ให้ซึ่งจะเป็นการขอความช่วยจากท้องถิ่น มากกว่าที่จะได้ข้อมูลมากจากรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะข้อมูลดังกล่าวจะมีความแตกต่างซึ่งกันและกัน

กล่าวคือ ข้อมูลที่ได้มาจากสายสัมพันธ์ทางการค้าจะเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการปฏิบัติจริง แต่ข้อมูลที่ได้มาจากรัฐบาลจะเป็นข้อมูลที่ใช้เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาประเทศสิ่งที่ได้จะสวยหรูและแต่งเติมมาอย่างดีซึ่งอาจทำให้การสำรวจผิดพลาดได้

"เรามีการติดต่อทางการค้าในเวียดนามอยู่บ้างแล้ว จากจุดนี้ทำให้งานของเราง่ายขึ้น" สุธีร์กล่าว

จากจุดนี้แม้จะไม่ใช่จุดเริ่มต้นทางการค้าของสุธีร์แต่ก็ไม่ใช่จุดสุดท้ายที่สุธีร์หนุ่มวัย 42 ปีจะหยุดอยู่ที่ตรงนี้ เป้าหมายในชีวิตของนักประชาสัมพันธ์ก็ยังคงทำหน้าที่ของคนเป็นประชาสัมพันธ์ โดยสายเลือดต่อไป สุธีร์กล่าวว่า เป้าหมายในอนาคตของเขาคือการได้หันกลับมาเป็นผู้รับสัมปทานการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ใหม่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us