|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กลุ่มมิตรผลขยายศักยภาพผู้นำด้านพลังงานทดแทนสู่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยงบลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท ก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 32 เมกะวัตต์ โดยใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิง พร้อมทำสัญญา 15 ปีขายไฟ 30 เมกะวัตต์ให้กับรัฐบาลจีน คาดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ต้นปี พ.ศ.2554
เป็นเวลากว่า 8 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ที่กลุ่มมิตรผลขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนด้านไฟฟ้าชีวมวล โดย นำชานอ้อยที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลไปใช้เป็นเชื้อเพลิง ในการผลิตไอน้ำและกระแสไฟฟ้า เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวน การผลิต รวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ของกลุ่มมิตรผล เพื่อ ลดต้นทุนการใช้ไฟฟ้าภายในโรงงานและรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถนำไฟฟ้าที่เหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลจำหน่ายให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ถึง 76 เมกะวัตต์นั้น นับว่า ประสบความสำเร็จตรงตามเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลควบคู่กับอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่ได้กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จดังกล่าว ผนวกกับความเชี่ยวชาญของบุคลากรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย กลุ่มมิตรผลจึงมีแนวคิดที่จะนำ รูปแบบการดำเนินงานด้านไฟฟ้าชีวมวลที่มีประสิทธิภาพจากประเทศไทยมาพัฒนาต่อยอดให้กับธุรกิจของกลุ่มในต่างประเทศ ในวันนี้ กลุ่มมิตรผลมองเห็นถึงศักยภาพของโรงงานน้ำตาลในมณฑลฟูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่สามารถนำชานอ้อย ที่เหลือมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล จึงได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล โดยใช้เงินลงทุนจำนวน 280 ล้านหยวน หรือกว่า 1,300 ล้านบาท บนพื้นที่ 34 ไร่บริเวณต่อจากโรงงานน้ำตาลฟูหนาน นับเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกในจีนที่ผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย 100% ขณะที่โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ในจีนจะใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินและพลังงานลม
“การจัดการวัตถุดิบที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงจะใช้รูปแบบคล้ายกับ ประเทศไทย คือ เน้นการส่งเสริมการปลูกอ้อยเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การให้ความรู้เพิ่มเติมโดยทีมส่งเสริมด้านการจัด การไร่อ้อย อาทิ ระบบชลประทานน้ำหยดในไร่อ้อย การจัดหาวัสดุ คลุมดินเพื่อกันความชื้น วิธีการกำจัดศัตรูพืชในไร่อ้อย เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ชาวไร่มีผลผลิตคุณภาพสูงแล้ว ยังช่วยให้เราได้ชานอ้อยคุณภาพเป็นวัตถุดิบอย่างเพียงพอด้วย” สุวัฒน์ กมลพนัส กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจไฟฟ้าในกลุ่มมิตรผลระบุ
การก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลในฟูหนานแบ่งเป็น 5 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การเตรียมการจัดจ้างบุคลากร ออกแบบโรงไฟฟ้าและปรับพื้นที่ก่อสร้าง ระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/2553 ที่ผ่านมา ระยะที่ 3 ติดตั้งเครื่องจักร และเริ่มอบรมบุคลากรโดยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่จากจีนมาอบรมที่ประเทศไทยและจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากไทยไปช่วยงานที่จีนในระยะเริ่มต้น ระยะที่ 4 ทดสอบการดำเนินงาน และทดลองเดินเครื่องจักร ระยะที่ 5 เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟจริง
โรงไฟฟ้าชีวมวลในฟูหนานเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีกำลัง การผลิต 32 เมกะวัตต์ เดินเครื่องผลิตไฟ 10 เดือน ด้วยเทคโน โลยีหม้อน้ำแรงดันสูงประเภท 100 บาร์ ที่มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างสมบูรณ์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จำนวน 30 เมกะวัตต์ จะจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าของมณฑลกวางสีภายใต้เงื่อนไข สัญญา 15 ปี การก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งนี้ไม่เพียง แค่เพิ่ม จำนวนกระแสไฟฟ้าที่จะแจกจ่ายไปยังชุมชนเท่านั้น แต่ยังถือเป็น โอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้เพิ่มให้กับประชาชนในท้องถิ่น ด้วยเช่นกัน
การบุกเบิกอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าชีวมวลในจีนของกลุ่มมิตรผลได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนทั้งด้านนโยบายและ การให้ความช่วยเหลือด้านราคา (Adder) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการประกาศเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของจีน ที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้ ในการสนับสนุนการใช้พลังงาน ทดแทนรูปแบบอื่นในอุตสาหกรรมและลดการใช้พลังงานจากถ่านหิน ซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวน มาก แผนดังกล่าวระบุชัดเจนว่าจีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงาน ทดแทน โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล ในปี พ.ศ.2596 หรืออีกประมาณ 40 ปีจากนี้ไปพลังงานใหม่เหล่านี้จะมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศเป็นการเปิดแนวรุกใหม่ที่น่าสนใจติดตามไม่น้อยในห้วงยาม ที่กระแสพลังงานทดแทนกำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงเช่นนี้
|
|
|
|
|