|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เคทีบีลีสซิ่งปรับโครงสร้างลูกค้า หันเพิ่มสัดส่วนรายใหญ่เป็น 45% จากเดิม 40% ระบุเพื่อให้สอดคล้องกับฐานลูกค้าของแบงก์กรุงไทย ล่าสุดปล่อยสินเชื่อให้บริษัททีพีซี เพสต์ เรซินวงเงิน 740 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีปล่อยได้ตามเป้าโต 15%
นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเคทีบี ลีสซิ่ง จำกัด (KTB Leasing)เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตยอดการปล่อยสินเชื่อลีสซิ่งไว้ที่ 15% คิดเป็นเม็ดเงินปล่อยใหม่ 8 พันล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ประเภทธุรกิจพื้นฐาน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลโดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อเครื่องจักรทำถนน เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายที่จะปรับฐานลูกค้ารายใหญ่ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 45% ส่วนลูกค้ารายย่อยจะอยู่ที่ 55% จากเดิมสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 40% ต่อ 60% ตามลำดับ แต่คาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนน่าจะอยู่ที่ 50% ต่อ 50% มากกว่า
"การที่บริษัทตั้งเป้าหมายปรับสัดส่วนลูกค้าระหว่างรายใหญ่และรายย่อยให้เป็น 45% ต่อ 55% เนื่องจากบริษัทต้องการที่จะเพิ่มฐานลูกค้ารายใหญ่ในฐานให้มีมากขึ้นและเพื่อเป็นการเติมเต็มฐานลูกค้ารายใหญ่ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัทให้มีมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารกรุงไทยจะมีฐานลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก"นายภิญญาวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าทั้งปีนี้ยอดการปล่อยสินเชื่อลีสซิ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทสามารถอนุมัติสินเชื่อได้แล้วกว่า 4.5 พันล้านบาท และมีการเบิกใช้สินเชื่อจริงประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ด้านผลประกอบการที่เป็นผลกำไรนั้น ก็ได้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 250 ล้านบาท จากผลกำไร 4 เดือนมีผลกำไร 120 ล้านบาท และฐานสินเชื่อคงค้างในสิ้นปีนี้ก็คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับฐานสินเชื่อคงค้างปัจจุบันอยู่ที่กว่า 1.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ จำนวนฐานลูกค้าทั้งหมดของบริษัทจะกระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศและมีรายได้ที่แน่นอน โดยในปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 แสนราย ซึ่งแบ่งเป็นลูกค้ารายย่อย 1.4 แสนราย ลูกค้ารัฐวิสาหกิจและข้าราชการ 1 แสนราย และลูกค้าที่ใช้บริการเดินบัญชีผ่านธนาคาร(Pay Roll) ซึ่งเป็นลูกค้าเอกชนอีก 1 หมื่นราย และบริษัทมีแผนที่จะลงนามสนับสนุนสินเชื่อลีสซิ่งให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนรายย่อยมากขึ้น
นายภิญญาวัฒน์ยังกล่าวถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 2% ว่า อยู่ในอัตราไม่สูงเนื่องจากบริษัทจะมีการคัดเลือกลูกค้าเป็นอย่างดี และจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำที่แน่นอน ส่วนลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็ยังมีการชำระหนี้ตามปกติ และไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบแต่อย่างใด ดังนั้นสัดส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยจึงอยู่ในระดับเดียวกับลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ดังกล่าว
ล่าสุด บริษัทได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำบริการด้านการเงินที่ครบวงจร ด้วยการลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อลีสซิ่ง ให้กับบริษัททีพีซี เพสต์ เรซิน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นวงเงินถึง 740 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทในการต่อยอดธุรกิจ โดยวงเงินดังกล่าวที่บริษัทอนุมัติให้กับบริษัททีพีซีฯนั้น ถือเป็นวงเงินมากที่สุดเท่าที่บริษัทเคยอนุมัติให้กับลูกค้า โดยมีอายุการการผ่อนชำระ 4 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ตลอดระยะเวลาสัญญา
|
|
|
|
|