|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เครือสหพัฒน์ ผุดงานสหกรุ๊ป 4 วัน เร่งเรียกความเชื่อมั่น ควักคอนเซปต์”คนดี สินค้าดี สังคมดี” สร้างค่านิยมไทย อุดหนุนสินค้าไทย ขนสินค้าหั่นราคา 70% มั่นใจคนทะลักช็อปปิ้ง 1 ล้านคน เงินสะพัดไม่ต่ำวว่า 100 ล้านบาท หลังเกิดพฤติกรรมอัดอั้น 2 เดือน งดชอปปิ้งจากการชุมนุมนปช.-จลาจลกลางเมือง ระบุประเทศไทยฟื้นจากวิกฤตเร็ว โอดสูญรายได้สินค้าไฟไหม้ 100 ล้านบาท ช่วง 7 เดือนนี้ เครือสหพัฒน์ยังไม่มีแผนลงทุนใหม่ๆ สิ้นปีรายได้ทั้งเครือฯโต 10% ทะลุ 1 แสนล้านบาท
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยภายใต้เครือสหพัฒน์ กล่าวว่า จากการชุมนุมของกลุ่มนปช.กระทั่งเกิดการจลาจลเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอยในช่วง 2 เดือน หรือระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ ดังนั้นปีนี้จากการที่เครือสหพัฒน์ได้จัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ ขึ้นครั้งที่ 14 ภายใต้แนวคิด”คนดี สินค้าดี สังคมดี ไทยแลนด์เบสท์” โดยนำสินค้าในเครือกว่า 100 บริษัท ร่วม 1,000 รายการ กว่า 850 คูหา อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องหนัง รองเท้า ลดราคา 50-70% ระหว่างวันที่ 1- 4 กรกฎาคม นี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ทั้งนี้ปีนี้การจัดงานได้เพิ่มจำนวนวันจาก 3 วัน เป็น 4 วัน คาดว่า จะมีคนซื้อสินค้าภายในงานทะลุ 1 ล้านคน หรือมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคเกิดพฤติกรรมอัดอั้นจากการไม่ได้ซื้อสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีคนเข้างานราว 1 ล้านคน นอกจากนี้ยังมองว่า แนวโน้มการบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
ดังนั้นในเวลานี้นอกจากภาครัฐต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในฐานะภาคเอกชนก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าต่างประเทศ ทำความเข้าใจและใกล้ชิดเพื่อชี้แจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ส่วนปัจจัยภายนอกก็มีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันก็ปรับลดลง ราคาวัตถุดิบนำเข้าก็ลดลง
สร้างค่านิยมใช้สินค้าไทยกู้วิกฤต
นายบุญเกียรติ กล่าวว่า การจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ ในครั้งนี้ เหมือนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรและคู่ค้าต่างๆ ให้กลับมาร่วมทุนหรือลงทุนในไทย นอกจากนี้ภายในงานยังได้เปลี่ยนคอนเซปต์ใหม่ “คนดี สินค้าดี สังคมดี ไทยแลนด์เบสท์” ซึ่งเป็นแนวคิดของบริษัทไลอ้อน ทั้งนี้เพื่อเน้นให้เกิดขวัญและกำลังใจและให้คนไทยสำนึกถึงการใช้สินค้าไทย ว่าประเทศเราผลิตสินค้าดีมีคุณภาพมากมาย เพราะท่ามกลางการเกิดวิฤตในประเทศ คนไทยต้องอุดหนุนสินค้าไทย อย่าไปชื่นชมหรือใช้สินค้าจากต่างประเทศ ต้องชื่นชมสินค้าไทย
“ผมว่าวิกฤตการเมืองไทยไม่ได้โหดร้ายเกินไป เมื่อเทียบกับต่างประเทศมีเหตุการณ์รุนแรงหลายเท่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นนักธุรกิจต้องไม่ท้อถอย ในยามเศรษฐกิจดี การคิดบวกก็ไม่มีนัยสำคัญมาก แต่ในยามสถานการณ์ที่ไม่ดีต้องคิดบวกให้มาก ส่วนช่องว่างระหว่างชนชั้น หากมองอีกมุมหนึ่งยังไงก็ต้องมีทุกรัฐบาล ถ้าไม่มีสังคมเราก็เป็นคอมมิวนิสต์ สังคมเราต้องมีความแตกต่างกันทางชนชั้น”
มั่นใจไทยศักยภาพดีฟื้นตัวเร็ว
นายบุญเกียรติ กล่าวถึง สถานการณ์การชุมนุมกระทั่งลามไปถึงการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาคธุรกิจมากนัก เพราะต่างประเทศก็เคยชินกับเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้นเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟู
นักลงทุนผมว่า มีจำนวนน้อยที่กังวล เพราะประเทศไทยมีศักยภาพในตัวอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมารายงานข่าวภาพลักษณ์ออกมาดูประเทศไทยย่ำแย่ เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังดีอยู่ ซึ่งกลยุทธ์การฟื้นฟูภาคธุรกิจของเอกชน ต้องเร่งดำเนินการตลาดอย่างรับผิดชอบสังคม หรือซีเอสอาร์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้กลับมาดีขึ้น
“การดำเนินงานของภาครัฐ ที่ผ่านมารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามบริหารประเทศอยู่แล้ว ไม่ได้ตาบอดหรือว่าโง่ แต่การบริหารประเทศคงไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำได้สมบูรณ์แบบ ถ้าเปรียบเทียบการทำงานของรัฐบาล ก็ต้องมาเทียบว่า อะไรดีกว่า บ้างก็ว่าบางชุดทำได้ดีมากแต่ไม่สุจริต ส่วนอีกรัฐบาลหนึ่ง ทำได้ดีแต่สุจริต”
โอดรายวูบ10%สินค้าเสียหาย100ล.
นายบุญเกียรติ กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนนี้ เครือสหพัฒน์ยังไม่มีแผนลงทุนใหม่ๆ ขณะที่โครงการทำอสังหาริมทรัพย์ก็ล้มเลิกไป โดยขณะนี้สำหรับผู้ซื้อสินค้ารายเดิมไม่ค่อยประสบปัญหาด้านการสั่งซื้อสินค้า หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล แต่สำหรับผู้ซื้อสินค้ารายใหม่ บริษัทต้องทำการบ้านมากขึ้น
โดยผลประกอบการของบริษัทไอ.ซี.ซี.ในช่วง 2 เดือน สูญหายไป 10% โดยเฉพาะสูญเสียโอกาสการขายสินค้าในศูนย์การค้าเซนอยู่บริเวณเดียวกับเซ็นทรัลเวิลด์ และห้างอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ขณะที่มูลค่าสินค้าภายในเซ็นทรัลเวิลด์ไฟไหม้เสียหายร่วม 100 ล้านบาท
ดังนั้นผลประกอบการไอ.ซี.ซี. สิ้นปีนี้ราว 1.2 หมื่นล้านบาท หรือมีรายได้ 10% โดยยอดขายในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ลดลง 10% หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกเติบโต 10% อย่างไรก็ตามรายได้ 5 เดือน บริษัทยังคงเติบโต ส่วนผลประกอบการสิ้นปีนี้ของเครือสหพัฒน์ทะลุ 1 แสนล้านบาท หรือเติบโต 10%
|
|
|
|
|