นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปีนี้ว่า มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้งานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 580-600 ล้านบาท ขณะมูลค่าการส่งออกยังเพิ่มขึ้นสูงหนุนรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนสินค้าในสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนสินค้าเฉลี่ยลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Goss profit margin) ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนผลประกอบการมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน

" จากผลงานไตรมาสแรกปีนี้ออกมาเติบโตดี จึงค่อนข้างมั่นใจว่าการเติบโตนี้จะต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 2 และ 3 ได้ ด้วยปัจจัยเดียวกันคือยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น จากการส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และผลิตภัณฑ์ LED ที่ลงทุนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลการผลิตอย่างเต็มตัวจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ประมาณไตรมาสที่ 3 นี้ จะหนุนให้ผลงานปีนี้โตได้ดีต่อเนื่อง"

โดยปีนี้ L&E บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10-15 % จากปีก่อนที่ทำได้ 1,475.60 ล้านบาท แม้ว่าการเมืองภายในประเทศจะส่งผลให้โครงการก่อสร้างหลายโครงการเลื่อนออกไปจากเดิแต่จากการที่ปีนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ สินค้า LED เพื่อชดเชยตลาดที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศ หลังพบว่าผลิตภัณฑ์ LED เป็นผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่มีอนาคตและความต้องการใช้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขยายงาน R&D พัฒนากระบวนการผลิต รวมทั้งลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องจักรให้ทันสมัยมีประสิทธิภาพรองรับกับตลาด LED ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท แอล แอนด์ อี โซลิดสเตท จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจผลิต โคมไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และอุปกรณ์แสงสว่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ LED อย่างเต็มตัว ซึ่งคาดว่าโรงงานการผลิตแห่งใหม่นี้จะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ และจะรับรู้เป็นรายได้ทันที ขณะที่ตลาดส่งออกยังเติบโตได้ดีตามที่ได้ประมาณการณ์ไว้คือมากกว่า 50%

" เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น กำไรก็น่าจะดีขึ้นในทิศทางที่ดีกว่า เพราะนอกจากการขยายธุรกิจแล้ว L&E ยังเดินหน้าบริหารต้นทุนสินค้าในสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ต้นทุนสินค้าบางส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นและรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ "