Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน2 มิถุนายน 2553
พฤษภาเพลิง ต่างชาติเทขายเฉียด6หมื่นล.             
 


   
search resources

Stock Exchange




พิษพฤษภาคมเดือด ต่างชาติเทขายหุ้นไทยเฉียด 6 หมื่นล้านบาท แม้วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 652 ล้าน ผลักดันดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 13.15 จุด โบรกฯมองการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีผลต่อตลาดหุ้น ประเมินวันนี้ดัชนีมีโอกาสทั้งปรับตัวขึ้นต่อ และปรับฐานลดลงหลังขึ้นมา 3 วันติด ส่วนประชุมกนง.2มิ.ย.นี้เชื่อยังคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้(31พ.ค.) ดัชนียังปรับตัวขึ้นต่อจากช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยปิดที่ 750.43 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด หรือ 1.78% มูลค่าการซื้อขาย 17,580.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 750.43 จุด และต่ำสุด 742.49 จุด ภาพรวมตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิหุ้นไทยถึง 58,745.12 ล้านบาท และหากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2548 ก็ไม่พบว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในจำนวนใกล้เคียงกับยอดขายสุทธิในรอบนี้ แม้วานนี้จะมีแรงซื้อสุทธิกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 652.96 ล้านบาท ก็ตาม

โดยรวมหากดูจากข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุนที่เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯจะพบว่า ผู้ซื้อสุทธิหลักจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ คือ นักลงทุนรายย่อย 48,100.29 ล้านบาท และสถาบันในประเทศ 10,751.87 ล้านบาท และการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวในแดนบวกหลังจากค่อยๆ ผ่านช่วง DownSide แล้ว

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆของแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มลดการ downside ลงต่อเนื่อง และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มขายลดลงหลังขายมาอย่างต่อเนื่อง

ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(1มิ.ย.) ดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่ยังต้องรอดูสถานการณ์ของคืนที่ผ่านมาด้วยว่า ตลาดสำคัญในต่างประเทศเป็นอย่างไร และมาตรการการช่วยเหลือประเทศในทวีปยุโรปนั้นจะมีการให้เงินช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาอย่างไร เนื่องจากวิกฤตยุโรปถือเป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อ เพราะทิศทางเริ่มดีขึ้น แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงต่อเนื่อง จึงมองว่ากรอบการลงทุนวันนี้ให้แนวรับที่ 740-745 แนวต้านที่ 753-760 จุด

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย ตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วานนี้ มองว่า เป็นการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว และมองว่าเหตุการณ์การสลายการชุมนุมนั้น ล่วงเลยมาเกือบ 1 สัปดาห์ ประชาชนจึงรับข่าวไปพอสมควรแล้ว ทำให้การอภิปรายในวานนี้ ยังไม่ได้มีประเด็นใหม่แต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีผลกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. นั้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดฯแต่อย่างใด

สำหรับแนวโน้มของดัชนีฯ ในวันนี้มองว่า ดัชนีมีโอกาสที่อ่อนตัวลดลง หลังตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณเชิงลบ จากความกังวลปัญหาทางการเงินของยุโรป ประกอบกับ ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3วันทำการ จึงอาจจะเห็นดัชนีฯ อ่อนตัวลงได้บ้าง พร้อมกันนี้ คาดว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 2 มิ.ย. 2553นี้ อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25%เท่าเดิม เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจยังไม่มีความแน่นอน เพราะปัญหาการจลาจลที่ผ่านมา ส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เทรดดิ้ง หรือขึ้นขายลงซื้อ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการจะซื้อเพื่อลงทุน ควรจะรอรับเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลดลงแรง ประเมินแนวรับดัชนีฯ 720 จุด แนวต้าน 750 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us