|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พิษพฤษภาคมเดือด ต่างชาติเทขายหุ้นไทยเฉียด 6 หมื่นล้านบาท แม้วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 652 ล้าน ผลักดันดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 13.15 จุด โบรกฯมองการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีผลต่อตลาดหุ้น ประเมินวันนี้ดัชนีมีโอกาสทั้งปรับตัวขึ้นต่อ และปรับฐานลดลงหลังขึ้นมา 3 วันติด ส่วนประชุมกนง.2มิ.ย.นี้เชื่อยังคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้(31พ.ค.) ดัชนียังปรับตัวขึ้นต่อจากช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยปิดที่ 750.43 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด หรือ 1.78% มูลค่าการซื้อขาย 17,580.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 750.43 จุด และต่ำสุด 742.49 จุด ภาพรวมตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิหุ้นไทยถึง 58,745.12 ล้านบาท และหากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2548 ก็ไม่พบว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในจำนวนใกล้เคียงกับยอดขายสุทธิในรอบนี้ แม้วานนี้จะมีแรงซื้อสุทธิกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 652.96 ล้านบาท ก็ตาม
โดยรวมหากดูจากข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุนที่เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯจะพบว่า ผู้ซื้อสุทธิหลักจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ คือ นักลงทุนรายย่อย 48,100.29 ล้านบาท และสถาบันในประเทศ 10,751.87 ล้านบาท และการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวในแดนบวกหลังจากค่อยๆ ผ่านช่วง DownSide แล้ว
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆของแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มลดการ downside ลงต่อเนื่อง และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มขายลดลงหลังขายมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(1มิ.ย.) ดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่ยังต้องรอดูสถานการณ์ของคืนที่ผ่านมาด้วยว่า ตลาดสำคัญในต่างประเทศเป็นอย่างไร และมาตรการการช่วยเหลือประเทศในทวีปยุโรปนั้นจะมีการให้เงินช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาอย่างไร เนื่องจากวิกฤตยุโรปถือเป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อ เพราะทิศทางเริ่มดีขึ้น แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงต่อเนื่อง จึงมองว่ากรอบการลงทุนวันนี้ให้แนวรับที่ 740-745 แนวต้านที่ 753-760 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย ตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วานนี้ มองว่า เป็นการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว และมองว่าเหตุการณ์การสลายการชุมนุมนั้น ล่วงเลยมาเกือบ 1 สัปดาห์ ประชาชนจึงรับข่าวไปพอสมควรแล้ว ทำให้การอภิปรายในวานนี้ ยังไม่ได้มีประเด็นใหม่แต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีผลกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. นั้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดฯแต่อย่างใด
สำหรับแนวโน้มของดัชนีฯ ในวันนี้มองว่า ดัชนีมีโอกาสที่อ่อนตัวลดลง หลังตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณเชิงลบ จากความกังวลปัญหาทางการเงินของยุโรป ประกอบกับ ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3วันทำการ จึงอาจจะเห็นดัชนีฯ อ่อนตัวลงได้บ้าง พร้อมกันนี้ คาดว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 2 มิ.ย. 2553นี้ อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25%เท่าเดิม เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจยังไม่มีความแน่นอน เพราะปัญหาการจลาจลที่ผ่านมา ส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เทรดดิ้ง หรือขึ้นขายลงซื้อ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการจะซื้อเพื่อลงทุน ควรจะรอรับเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลดลงแรง ประเมินแนวรับดัชนีฯ 720 จุด แนวต้าน 750 จุด
|
|
|
|
|