Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน1 มิถุนายน 2553
ธปท.เซ็งการเมืองทุบศก. หวั่น2เดือนกระทบหนัก             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Economics




ตามคาด เศรษฐกิจเดือน เม.ย.ทรุดเหตุเพราะการเมืองวุ่น เผยจะชัดเจนขึ้นใน 2 เดือนข้างหน้า อาจกระทบการลงทุนฉุดเศรษฐกิจในอนาคต

นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโดยรวมในเดือน เม.ย.แผ่วลง นอกเหนือในเดือนนี้มีวันหยุดทำการมากเป็นพิเศษแล้วจนมีผลให้ธุรกรรมต่างๆ ชะลอลง ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเป็นสำคัญด้วย โดยยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้และคาดว่าผลกระทบจากปัญหาการเมืองจะมีผลต่อเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นใน เดือน พ.ค.และมิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะกระทบในบางภาคธุรกิจ ท้ายที่สุดเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อไปได้อยู่

“ธปท.มีความเป็นห่วงปัญหาทางการเมืองนี้อาจมีผลกระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุน เพราะกว่าจะทบทวนแผนการลงทุนต้องใช้เวลา ประกอบกับภาคการลงทุนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการผลิตภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว ทำให้ศักยภาพเศรษฐกิจในอนาคตอาจจะมีปัญหาได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประเมินความเสียหายของปัจจัยการเมืองต่อเศรษฐกิจไทย ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อล่าสุด วันที่ 29 เม.ย.นั้น ธปท.ได้พิจารณาไว้เป็น 3 กรณีคือ ความเสียหายในกรณีฐาน หรือความเสียหายที่เหตุการณ์ไม่รุนแรงไปกว่าช่วงที่มีการประเมินมากนัก ความเสียหายจากปัจจัยการเมืองจะอยู่ที่ 0.9% ของจีดีพี และในกรณีที่เหตุการณ์ดีขึ้นกว่าในช่วงการประมาณการ ความเสียหายจะลดลงเหลือประมาณ 0.3- 0.5% ของจีดีพี แต่หากสถานการณ์การเมืองเลวร้ายลงมากจากที่ประมาณการ ธปท.ได้ประเมินความเสียกรณีเลวร้ายไว้ที่ 1.4 -1.6% ของจีดีพี หรือประมาณ 140,000-160,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย. การบริโภคลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤต แต่ได้รับการทดแทนจากรายได้เกษตรกรและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากระดับ 77.3 มาอยู่ที่ระดับ 75.0 ในเดือนนี้ จากปัญหาการเมืองในประเทศเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับการผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เร่งการผลิต จึงมองว่าแนวโน้มในอนาคตอีก 3 เดือนข้างหน้ายังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการผลิตเพื่อการส่งออกตามคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่ยังมีต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงทุนในประเทศก็ยังดีอยู่ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการลงทุนขยายการผลิตของผู้ประกอบการยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 55.7 ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 46.0 ส่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและความไม่แน่นอนเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงในระดับต้นๆ

ขณะที่เงินฝากลดลง 2.3 หมื่นล้านบาท ผลจากการถอนเงินฝากเพื่อใช้ในกรณีจำเป็นช่วงสถานการณ์ความไม่สงบทางการเงิน และการโอนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารในคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.9 หมื่นล้านบาท ส่วนสินเชื่อทรงตัวในระดับ 5.9% จากผลความกังวลในสถานการณ์การเมืองที่เริ่มรุนแรงขึ้น ความต้องการสินเชื่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคจึงไม่ได้เร่งขึ้นมากเหมือนช่วงก่อนหน้า โดยสินเชื่อภาคธุรกิจลดลงเล็กน้อยภายหลังจากที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นนานติดต่อกัน 5 เดือน

ด้านการส่งออกมีมูลค่า 13,832 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 34.6% โดยการส่งออกในทุกหมวดดีขึ้น ยกเว้นภาคเกษตรในส่วนของยางพาราและข้าว ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 14,022 ล้านเหรียญ หรือขยายตัว 43.1% โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบที่มีการสต็อกสินค้า เพื่อนำมาผลิตสินค้าในอนาคต รวมถึงการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อลดเชียปริมาณน้ำมันสำรองที่ลดลงในช่วงก่อนหน้า ทำให้ขาดดุลการค้า 190 ล้านเหรียญ จากเดินก่อนที่เกินดุล 1,090 ล้านเหรียญ

ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุล 232 ล้านเหรียญ จากเดือนก่อนเกินดุล 645 ล้านเหรียญตามรายได้การท่องเที่ยวลดลง โดยปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงกว่าเดือนก่อนหน้าเกือบ 3.5 แสนคน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในภาคกลาง และกลุ่มนักท่องเที่ยวในเอเชียลดลงมาก โดยเฉพาะประเทศจีน แต่นักท่องเที่ยวบางส่วนได้ปรับแผนการเดินทางไปทางภาคใต้แทน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของการชุมนุมในกรุงเทพ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 423 ล้านเหรียญสหรัฐจากที่เกินดุลในเดือนก่อน 1,734 ล้านเหรียญ

นอกจากนี้ในเดือน เม.ย.มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 2,999 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินทุนไหลเข้าในส่วนของธนาคาร 1,203 ล้านเหรียญ และภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร 1,602 ล้านเหรียญ ซึ่งส่วนนี้เป็นเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) 383 ล้านเหรียญ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังคงมีต่อเนื่อง แม้มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ภาคธุรกิจขาดความเชื่อมั่นก็ตามและมีการลงทุนในตลาดหุ้น 499 ล้านเหรียญ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us