Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน31 พฤษภาคม 2553
ไทยเนื้อหอมต่างชาติแห่ลงทุนเพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน - บีโอไอ

   
search resources

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน - บีโอไอ
Investment




เผย 4 เดือนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมฯลงทุน 245 โครงการมูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% บ่งชี้นักลงทุนยังเชื่อมั่นไทย อุตฯ เตรียมถกอัยการสูงสุดสัปดาห์นี้ เล็งหาช่องยื่นศาลฯ ปลดล็อคคำสั่งระงับ 2 กิจการ ได้แก่ บริษัท เอ็มทีพี เอชพี เจวี และบมจ.วีนีไทย อุ้มลงทุน

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) ใน 4 เดือนแรกปี 2553 (ม.ค.-เม.ย.) ว่า มีโครงการลงทุนจากต่างประเทศยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 245 โครงการ เพิ่มขึ้น 31.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 186 โครงการ ส่วนมูลค่าเงินลงทุนรวม 53,302 ล้านบาทขยายตัวถึง146% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 21,672 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในการลงทุนระยะยาว

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวแยกเป็นการลงทุนใหม่ 130 โครงการและขยายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทยอยู่แล้ว 115 โครงการ กิจการที่นักลงทุนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมและมีเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะเครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 67 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 16,911 ล้านบาท รองลงมาคือ กิจการบริการและสาธารณูปโภค 57 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 12,697 ล้านบาท ตามด้วยกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 49 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 8,439 ล้านบาท

ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด มีจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริม 99 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 25,611 ล้านบาท ซึ่งขยายตัว 152% รองลงมา คือ การลงทุนจากสิงคโปร์ จำนวน 25 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 6,897 ล้านบาท อันดับสาม คือ จีน มีโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมรวม 9 โครงการ ปริมาณเงินลงทุน 6,443 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 6 พันล้านบาท

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะทำงานกลางเพื่อหาข้อสรุปในแนวทางดำเนินการตามมาตรา 67 วรรค 2 กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะหารือกับอัยการสูงสุดถึงความเป็นไปได้ในการยื่นต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอผ่อนผันคำสั่งระงับกิจการของบริษัท เอ็มทีพี เอชพี เจวี(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท วีนีไทย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากทั้งสองกิจการเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำหากล่าช้าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำได้

ทั้งนี้ บริษัท เอ็มทีพี เจวี (ประเทศไทย ) จำกัด ผลิตก๊าซไฮโดรเจน เป็นการร่วมทุนของบริษัท โซลเว่ย์ เอส.เอ. กับดาวเคมีคอล ซึ่งพร้อมจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา และยังได้ดำเนินงานเกี่ยวกับจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และสุขภาพ (HIA) แล้ว ทำให้โครงการได้รับผลกระทบ ซึ่งล่าสุดผู้บริหารของดาวเคมีคอลได้เข้ามาหารือและรายงานว่าอาจจะต้องยื่นเรื่องต่อศาลฯเพื่อให้เร่งรัดขั้นตอนและพร้อมที่จะพาไปดูเทคโนโลยีดังกล่าวที่ยืนยันว่าไม่มีปัญหากับสิ่งแวดล้อม ส่วนของบมจ.วีนีไทยขยายกำลังผลิตคลอรีนและโซเดียมไฮดรอกไซด์นั้นได้มีการนำเข้าเครื่องจักรบางส่วนแล้ว

“เราได้ดูรายละเอียดแล้วยอมรับว่าใน 2 กิจการนี้มีเอกสารสมบูรณ์สุดก็เลยจะเร่งยื่นในส่วนนี้ก่อน โดยยอมรับว่าหากบัญชีประเภทกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติออกมาเร็วก็จะสามารถนำไปประกอบอธิบายกับศาลฯได้เพิ่มขึ้นว่าเป็นกิจการเข้าข่ายไม่รุนแรงแต่ขณะนี้รายชื่อบัญชียังหาข้อสรุปไม่จบซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็มองว่าไม่คืบหน้า โดยระหว่างนี้ 40 กิจการในมาบตาพุดก็เร่งทำตามมาตรา 67 วรรค 2 โดยเฉพาะ HIA ที่คาดว่าจะเสร็จในปลายเดือนนี้ คาดว่าพ.ย.นี้จะมีการอนุมัติดำเนินงานได้ทั้งหมดตามองค์ประกอบกับรัฐธรรมนูญครบถ้วน”นายสรยุทธกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us