Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน27 พฤษภาคม 2553
ฝรั่งทิ้งต่อ 5 พันล้านบาท             
 


   
search resources

Stock Exchange




หุ้นไทยรีบาวน์ขึ้น 7 จุด ตามทิศทางเดียวกับตลาดอื่นทั่วโลก แต่ต่างชาติยังขายสุทธิออกไปอีก 5 พันล้านบาท โบรกฯแนะจับตาความคืบหน้าและความชัดเจนของปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป ให้กลยุทธ์ซื้อเมื่อดัชนีลง และขายเมื่อดัชนีดีดเพิ่ม

ตลาดหุ้นไทยวานนี้(26พ.ค.) ดัชนีกลับมารีบาวน์ขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวลดลงไปมากในช่วง 2 ก่อน โดยปิดที่ระดับ 728.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.65 จุด หรือ 1.06% มูลค่าการซื้อขาย 21,777.61 ล้านบาท ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ เช่น ดัชนีคอมโพสิตฟิลิปปินส์ ปิดตลาด 3,125.15 จุด บวก 22.56 จุดเปลี่ยนแปลง 0.72% , ดัชนีหุ้นเวียดนาม ปิดตลาด 492.69 บวก 6.44 จุด , ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาด 7,167.35 บวก 80.98 จุด เปลี่ยนแปลง 1.14% ,ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดโตเกียวปิดตลาด ที่ระดับ 9,522.66 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 62.77 จุด เปลี่ยนแปลง 0.66% และ ดัชนี KOSPI หุ้นเกาหลีใต้ ปิดตลาด 1,582.12 บวก 21.29 จุด คิดเป็น 1.36%

โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 733.11 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 720.86 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 241 หลักทรัพย์ ลดลง 101 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 108 หลักทรัพย์

ขณะที่การซื้อขายสุทธิ แยกตามประเภทนักลงทุน ยังพบว่า นักลงทุนต่างชาติ ยังเทขายสุทธิหุ้นไทยยออกไปอย่างต่อเนื่องอีก 5,261.42 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 21.35 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิอีก 4,467.48 ล้านบาท และสถาบัน ซื้อสุทธิ 815.30 ล้านบาท

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ตอบรับเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศก่อน โดยเช้าเปิดบวกค่อนข้างดี ก่อนที่จะมีแรง take profit ในช่วงบ่าย จึงเป็นเพียงการรีบาวน์ในช่วงสั้น เนื่องจากตลาดฯยังมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งในและนอกประเทศอยู่

โดยปัจจัยจากภายนอกประเทศเป็นเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรป โดยเฉพาะประเทศกรีซ, สเปน และโปรตุเกส ส่วนปัจจัยในประเทศยังเป็นเรื่องการเมืองที่ยังกังวลอยู่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังใช้เคอร์ฟิวอีก 4 วัน และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก็ยังอยู่ จึงมีความกังวล อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงขายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 พ.ค.) ตลาดหุ้นคงจะถูกกำหนดทิศทางจากต่างประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการเมืองไทยช่วงนี้คงจะทรงตัวก่อน พร้อมให้แนวรับ 714-715 จุด แนวต้าน 735 จุด

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีการเคลื่อนไหวแกว่งตัวผันผวนสลับทั้งแดนบวกลบ โดยช่วงการซื้อขายภาคเช้าปรับตัวขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1% เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ขณะที่ในการซื้อขายในช่วงบ่ายดัชนีฯปรับตัวลดลงโดยมีการเคลื่อนในแดนลบเป็นส่วนใหญ่สวนกับทิศทางตลาดหุ้นในเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนที่ยังคงมีความกังวลจากสถานการณ์ทางการเมือง ที่แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้การคลี่คลายลง แต่นักลงทุนยังคงติดตามว่าสถานการณ์ต่อจากนี้ไปจะมีทิศทางต่อไปอย่างไร ประกอบกับมีแรงขายสลับออกมาทำกำไรออกมาจากนักลงทุนส่วนหนึ่งหลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า

สำหรับแนวโน้มดัชนีฯในวันนี้ (27 พ.ค.) ประเมินว่า จะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน แกว่งตัวในกรอบระหว่างแนวรับ 718 จุดและแนวต้าน 740 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคที่อยู่ในช่วงรีบาวน์ อย่างไรก็ดียังมีประเด็นลบกดดันกดดันบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะจากปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป ซึ่งนักลงทุนยังคงมีความกังวลว่าปัญหาดังกล่าวอาจลุกลามต่อเนื่องในวงกว้างกว่าปัจจุบัน

ส่วนด้านปัจจัยที่จะต้องติดตามคือ ความคืบหน้าและชัดเจนของปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรปที่ถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนมาก ส่วนของการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีการแถลงในวันนี้ประเมินว่าตัวเลขที่ออกมาจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์แนะนำคือ ซื้อเมื่อดัชนีฯปรับตัวลดลงและขายเมื่อดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ประเมินแนวรับอยู่ที่ 718 จุด ประเมินแนวต้านอยู่ที่ 740 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us