|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายปริญญา กิจจาธนพันธ์ กรรมการ บริษัท สตราทีจิค เบฟเวอร์เรจเจส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตามที่บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดทำรายงานแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหุ้นในครั้งนี้ แต่รายงานดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์การทำคำเสนอซื้อของบริษัท ดังนั้นจึงขอสรุปประเด็นที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาตัดสินใจของผู้ถือหุ้นดังนี้
การเสนอคำซื้อหุ้นบริษัทเสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ในครั้งนี้ มีสาเหตุจากบริษัทมีความกังวลและตระหนักถึงความจำเป็นในการลงทุนเพื่อเสริมสร้างอนาคตที่มั่นคงในระยะยาวให้กับกิจการ อีกทั้งบริษัทมีแนวทางชัดเจนที่จะดำเนินการตามแผนงาน เพิ่มเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจ แต่การที่จะบรรลุเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงอาศัยความร่วมมือสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นซึ่งเข้าใจถึงความจำเป็นในการซื้อหุ้นครั้งนี้ และยินดีเพื่อถือหุ้นต่อไปเพื่อผลประกอบการที่ดีในระยะยาว
ส่วนผู้ที่หุ้นที่มีความเห็นแตกต่างและไม่ปรารถนาจะมีส่วนร่วมกับแผนระยะยาว คำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทจะเปิดโอกาสให้สามารถทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นของกิจการโดยการจำหน่ายหุ้นให้กับบริษัท โดยราคาเสนอซื้อหุ้นตามแบบ 247-4 คือ 29 บาทต่อหุ้นนั้น เป็นราคาที่ผ่านการพิจารณาและคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เนื่องจากราคาซื้อหุ้นที่ 29 บาทต่อหุ้น นั้นเป็นราคาที่เกือบสูงสุดในรอบระยะเวลา 10 ปี โดย ณ วันที่บริษัทได้ประกาศเจตนาซื้อหุ้น SSC ราคาเสนอซื้อของบริษัทนั้นสูงกว่าราคาปิดของหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 53 ( ซึ่งเป็นที่มีการซื้อขายหุ้น SSC ในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันสุดท้ายก่อนที่สตราทีจิคฯจะประกาศเจตนาทำคำเสนอซื้อ) ถึง 44 % และสูงกว่าราคาซื้อขายเฉลี่ย 90 วันย้อนหลังถึง 61 % ซึ่งราคาดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนมืออาชีพ และนักลงททุนสถาบัน
เพราะราคาเสนอซื้อของบริษัทเท่ากับ 22 เท่าของกำไรต่อหุ้นของ SSC สำหรับปี 52 โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หุ้นของ SSC มีการซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) เฉลี่ยที่ 12.6 เท่า
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 47 นั้น SSC มีการจ่ายปันผลเฉลี่ยที่ 1.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากพิจารณาจากข้อมูลการจ่ายเงินปันผลในอดีตนี้ ราคาเสนอซื้อของบริษัทสามารถเทียบเคียงได้เท่ากับการที่ผู้ถือหุ้นได้รับการจ่ายเงินปันผลล่วงหน้าถึง 26 ปีนับจากนี้ โดยการจ่ายเงินปันผลช่วงสองปีที่ผ่านมาของ SSC เป็นการจ่ายปันผลที่เกินกว่ากำไรที่ทำได้ในแต่ละปี ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ปฏิบัติได้ในระยะยาว
อีกทั้งช่วงสามปีก่อนที่บริษัทได้ทำคำเสนอซื้อนี้ หุ้นของ SSC มีปริมาณการซื้อเฉลี่ยต่อวันเพียง 106,080 หุ้น หรือ 0.039 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งเมื่อการทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้สิ้นสุดลง บริษัทคาดว่าสภาพคล่องของหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย ( Free Float ) จะมีจำนวนน้อยลงไปอีก
" เราขอย้ำความชัดเจนอีกครั้งว่า การเสนอซื้อหุ้นของSSC ในครั้งนี้เป็นการซื้อเพื่อยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจของ SSC ในระยะยาว รวมถึงการลงทุนในโรงงานและเครื่องจักร และสร้างความมั่นคงในอนาคตให้เสริมสุขและพนักงาน มิได้ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้สินทรัพย์ที่ดินในส่วนที่เป็นสาระสำคัญของกิจการ การปิดโรงงาน ขายสินทรัพย์ และลดจำนวนพนักงาน เพื่อรับรู้มูลค่าเพิ่มจากที่ดินที่ใช้ดำเนินการในปัจจุบัน"
สำหรับ ผู้ถือหุ้นบางรายอาจจะยังคงถือหุ้นอยู่และคาดหวังว่าบริษัทจะเพิกถอน SSC ออกจากตลาดหลักทรัพย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และยืนยันว่าไม่มีความประสงค์นำหุ้น SSC ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตามที่ระบุไว้ในแบบ 247-4 และยืนยันในคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ ว่าราคาเสนอซื้อดังกล่าวเป็นราคาที่แท้จริง ที่สามารถซื้อขายได้ เป็นราคาที่ยุติธรรม เป็นราคาสุดท้ายที่เสนอต่อผู้ถือหุ้นทุกรายในขณะนี้
|
|
|
|
|